กรุงเทพฯ--1 ก.ย.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์
ผืนป่าห้วยขาแข้งกว่า 1.8 ล้านไร่ ได้รับการปกป้องคุ้มครองโดยผู้พิทักษ์ป่าจำนวน 260 ชีวิต คงไม่ใช่เรื่องผิดนักหากจะกล่าวว่านี่คือ "ภาระอันใหญ่หลวง" ของผู้พิทักษ์ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆ แต่ทำงานด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ในการอุทิศแรงกายแรงใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อพิทักษ์รักษาทรัพยากรทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติที่เป็นสมบัติสำคัญของประเทศไทย
ท่ามกลางการทำงานที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและห่างไกลจากคำว่าสะดวกสบาย เหล่าฮีโร่ผู้เปรียบเสมือน "รั้วมนุษย์" ที่คอยป้องกันผืนป่าห้วยขาแข้งจากภัยรอบด้านเหล่านี้ ยังต้องการความช่วยเหลือสนับสนุนในด้านต่างๆ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะองค์กรที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้เห็นความเสียสละของผู้พิทักษ์ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งทุกคน จึงเข้ามาศึกษาการทำงานและชีวิตความเป็นอยู่ซึ่งเป็นที่มาของการดำเนินงาน "โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิทักษ์ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี" ที่เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2559
โครงการได้วางแนวทางในการสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของเขตอนุรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งในสามด้านหลัก ประกอบด้วย ด้านครอบครัว สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับบุตรเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า จนถึงระดับปริญญาตรี รวมทั้งเพิ่มพูนความรู้ผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าและครอบครัว ด้านการทำงาน สนับสนุนอุปกรณ์และเสบียงที่จำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิทักษ์ป่าเพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น อาทิ เครื่องกรองน้ำแบบพกพา เปลสนามพร้อมมุ้ง ข้าวสารหอมมะลิปลอดสารเคมี และมอบเงินสนับสนุนค่ารักษาพยาบาลอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ ด้านชุมชน สนับสนุนกิจกรรมการให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้กับชุมชนและเยาวชนในพื้นที่โดยรอบเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ปัจจุบันโครงการได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 (ปี พ.ศ. 2560) โดยยังคงให้การสนับสนุนในเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน ทุนการศึกษาสำหรับบุตรของผู้พิทักษ์ป่า และเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลกรณีได้รับบาดเจ็บจากการปฎิบัติหน้าที่ เป็นต้น
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิทักษ์ป่าก็คือการส่งเสริมองค์ความรู้ให้กับผู้พิทักษ์ป่า โครงการจึงได้นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ไปถ่ายทอดให้กับเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการ ที่มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในด้านการพึ่งพาตนเอง การมีความสุขที่เกิดจากหลักคิดในการดำเนินชีวิตและการทำงานอย่างเหมาะสมสมดุล การทำงานที่เป็นระบบมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และการสานสัมพันธ์กับชุมชนเพื่อสามารถส่งต่อความรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาผืนป่าอันเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติได้อีกด้วย
รัชฎาวรรณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ อินทัช กล่าวว่า "ผู้พิทักษ์ป่าเหล่านี้คือต้นแบบของผู้สละความสะดวกสบายส่วนตน เป็นผู้ปิดทองหลังพระที่ทำงานอยู่บนความเสี่ยงเพื่อปกป้องผืนป่าที่มีค่าของประเทศไทยให้คงอยู่สืบไปจนถึงชั่วลูกชั่วหลาน กลุ่มบริษัทอินทัชรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลและพัฒนาชีวิตของวีรบุรุษผู้เสียสละเหล่านี้ และหวังว่า 'โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิทักษ์ป่า' จะสามารถแทนคำขอบคุณและต่อยอดความสามารถของบุคลากรเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง โครงการที่จัดทำขึ้นจึงไม่ใช่เพียงสนับสนุนข้าวของเครื่องใช้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตและหน้าที่การงานของเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าอีกด้วย"
เมื่อเร็วๆ นี้ ทางอินทัชได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมความรู้ความเข้าใจต่อการทำงานและการใช้ชีวิตให้มีความสมดุลนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนให้กับผู้พิทักษ์ป่ากว่า 200 คน โดยมี 3 หัวข้อหลักคือ "การปรับใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความสมดุลของชีวิต" เพื่อสร้างความเข้าใจและสามารถน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งให้ความรู้ด้านการจัดการการเงินที่เหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิตทั้งการลดค่าใช้จ่าย การออม การวางแผนลดภาระหนี้สิน เพื่อความมั่นคงของครอบครัว ซึ่งทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่
หัวข้อที่ 2 "การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานกับชุมชน" เป็นการพัฒนาการทำงานของผู้พิทักษ์ป่าให้มีทักษะด้านการสื่อสารกับชุมชนที่จะนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์ ทั้งในเรื่องการประสานประโยชน์ การขอความร่วมมือช่วยเหลือ หรือการแก้ไขความขัดแย้งต่างๆ ซึ่งผู้พิทักษ์ป่าสามารถนำไปปรับใช้ในสถานการณ์ต่างๆอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
หัวข้อสุดท้าย "การจัดการขยะอย่างยั่งยืน" เหล่าเจ้าหน้าที่ได้เรียนรู้วิธีการคัดแยกและกำจัดขยะที่เกิดจากการปฏิบัติงาน และในแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างถูกต้อง รวมถึงถ่ายทอดให้กับชุมชนข้างเคียงและนักท่องเที่ยวได้ทราบและปฏิบัติตามอย่างถูกวิธี นำไปสู่การรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ทางด้านของ วีรยา โอชะกุล หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เปิดเผยว่า "เจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์เหล่านี้ต้องแบกเป้ ถือปืน ออกไปบุกป่าฝ่าดงทุกวันเพื่อสะกัดกั้นกระบวนการลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์ จนบางคนกลับมาพร้อมกับภาวะเครียดหรือสภาพร่างกายที่บาดเจ็บ เพราะต้องปะทะกับผู้กระทำผิดและถูกกดดันจากกลุ่ม ผู้มีอิทธิพล รวมถึงความขัดแย้งกับคนในพื้นที่ซึ่งต้องการใช้ประโยชน์จากป่าในเชิงพาณิชย์"
"ผลจากการที่องค์กรอย่างอินทัชเข้ามาสนับสนุนและช่วยให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงาน คือ ขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เราวางแผนอนาคตทำความฝันให้ชัดเจน ได้รู้ว่าจะจัดการกับชีวิตอย่างไรให้ชีวิตมีความสุขขึ้น...รู้จักวิธีจัดการตัวเองและดูแลครอบครัว ไม่สร้างภาระหรือปัญหาให้กับสังคม เราทำงานได้ง่ายขึ้นและ มีประสิทธิภาพดีมากยิ่งขึ้น"
เพราะผู้พิทักษ์ป่าคือผู้เสียสละ แม้ว่าจะเสี่ยงอันตรายหรือทำงานหนักมากเพียงใดก็ยังคงมีความมุ่งมั่นและศรัทธาเพื่อตอบแทนแผ่นดินด้วยการรักษาผืนป่าห้วยขาแข้ง ไม่ว่าจะมีคนรับรู้หรือไม่ และโลกภายนอกจะหมุนเปลี่ยนไปอย่างไร ผู้พิทักษ์ป่าแห่งห้วยขาแข้ง...ก็ยังคงปกป้องป่าด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่ และอุดมการณ์ที่จะพิทักษ์มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งนี้ให้คงอยู่ เพราะฉะนั้น ถ้าพวกเราไม่มองเห็น ไม่ดูแลและสนับสนุนคนที่ดูแลผืนป่า แล้วใครเล่าจะมาสืบสานหน้าที่นี้ต่อไป