กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--อย.
รมว.สธ. แถลงผลประชุมคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตยาสามัญและการวิจัยพัฒนายาสมุนไพรในประเทศ เผยดึงทุกหน่วยงานเข้าร่วมดำเนินงานอย่างครบวงจร เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ
นางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงแก่สื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 17 ส.ค.44 ที่ผ่านมา คณะกรรมการแห่งชาติด้านยาได้มีการประชุมร่วมกัน เพื่อหาแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยาสามัญ (Generic Drugs) และการวิจัยพัฒนายาสมุนไพรในประเทศ ซึ่งได้มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างครบวงจร โดยในการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยาสามัญนั้น มุ่งส่งเสริมให้มีการผลิตยาสามัญเพื่อทดแทนการนำเข้า ซึ่งภาครัฐจะเข้าไปมีส่วนให้การสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนา ทั้งนี้ อาจลงทุนหรือร่วมลงทุนกับภาคเอกชนก็ได้ เนื่องจากเป็นผลประโยชน์สาธารณะ นอกจากนี้ ยังมุ่งส่งเสริมการผลิตยาให้มีการขึ้นทะเบียนยาสามัญใหม่ให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ซึ่งแนวทางพัฒนาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยาในประเทศเพื่อส่งเสริมการใช้ยาที่ผลิตในประเทศไทยทั้งเพื่อการบริโภคในประเทศและการส่งออก
สำหรับการส่งเสริมและพัฒนาด้านยาสมุนไพรนั้น ขณะนี้ยังมีปัญหาด้านการวิจัยและพัฒนา คณะกรรมการแห่งชาติด้านยาจึงได้ปรับทิศทางการพัฒนามาเน้นด้านการวิจัยและพัฒนายาสมุนไพรมากขึ้น เพื่อให้เป็นที่ยอมรับและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ โดยกำหนดแนวทางการส่งเสริมต่างๆ อย่างครบวงจร ตั้งแต่ระดับผู้เพาะปลูกสมุนไพรที่เป็นวัตถุดิบไปจนถึงการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรที่มีคุณภาพตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตยา (GMP) โดยจะมีการจัดทำมาตรฐานของยาสมุนไพรแต่ละชนิดในประเทศไทยที่ส่งเสริมให้ครอบคลุมเพื่อจัดทำเป็นตำรายาสมุนไพรของประเทศ มีการศึกษาวิจัยระดับปรีคลินิคและระดับคลินิก เพื่อยืนยันความปลอดภัยและสรรพคุณของสมุนไพร การศึกษาทบทวนองค์ความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย เพื่อให้ได้องค์ความรู้ที่เชื่อถือได้ เข้าใจได้ง่ายสำหรับคนรุ่นใหม่ รวมทั้งการพัฒนาบุคลกรที่มีความรู้ในด้านต่างๆ ให้เข้ามารองรับการพัฒนายาสมุนไพร ตลอดจนการทบทวนกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา โดยในการดำเนินการจะประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลในด้านของวัตถุดิบ ส่งเสริมการเพาะปลูกอย่างมีคุณภาพ และวางแผนการตลาดเพื่อประกันราคาให้กับผู้เพาะปลูกอย่างรัดกุม ทบวงมหาวิทยาลัย และหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุข เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แผนไทย ตลอดจนหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมกันกำหนดนโยบายทิศทางการวิจัยและพัฒนาทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างชัดเจน การจัดทำมาตรฐานของสมุนไพร และการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในตอนท้ายว่า ทิศทางในการวิจัยและพัฒนายาสามัญในประเทศและยาสมุนไพรไทย จะดำเนินการอย่างเร่งด่วนและครบวงจรในทุกด้าน เพื่อให้ผลออกมาเป็นรูปธรรมเกิดประโยชน์ต่อประชาชนชาวไทยให้มากที่สุด ซึ่งจะส่งผลเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ได้รับการยอมรับจากสากล รวมทั้งจะส่งเสริมโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ประชาชนได้ใช้ยาที่มีคุณภาพอย่างมั่นใจด้วย--จบ--
-นห-