กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--แชนด์วิค อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)
ต้องการทราบความลับของมาดอนน่าไหมว่าทำอย่างไรจึงรักษารูปโฉมให้อ่อนวัยและงดงามได้ยาวนานเช่นนี้ เธอเป็นคนหนึ่งที่เชื่อมั่นในการรักษาความงามแนวทางใหม่ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมทั่วโลกโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดและใช้กรรมวิธีเสริมแต่งให้น้อยที่สุด
ขณะนี้ ทั้งสาว(น้อย)และหนุ่ม (น้อย) ของไทยทุกคนไม่เฉพาะวงการไฮโซ ต่างมีโอกาสใช้บริการเทคโนโลยีล่าสุดที่ปฏิวัติวิธีการรักษาความงาม โดยไม่ต้องเจ็บปวดด้วยโบทอกซ์ (BOTOX) โบทอกซ์โบทูลินัมทอกซินชนิดเอ) ซึ่งเป็นสารละลายบริสุทธิ์ของโบทูลินัมทอกซิน สำหรับลดริ้วรอยบนใบหน้า แต่เดิมนั้นได้มีการพัฒนาโบทอกซ์ขึ้นมาเป็นอาวุธทางเคมีเพื่อใช้ในสงคราม บัดนี้โบทูลินัมทอกซินกลายเป็นสารที่สามารถฉีดเข้าสู่กล้ามเนื้อใบหน้าในปริมาณน้อยๆ ได้อย่างปลอดภัยเพื่อทำให้รอยย่นเลือนหายไปเป็นการชั่วคราว อันจะทำให้ผิวพรรณเต่งตึงสดใสขึ้นพร้อมทั้งดูอ่อนเยาว์ลง
น.พ. เวสเชลอร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งภาควิชาอายุรกรรมและโรคผิวหนัง แห่งมหาวิทยาลัย แพทยศาสตร์ วอชิงตัน ที่ซีแอทเทิล และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโบทอกซ์ ซึ่งเดินทางมาเยือนประเทศไทย กล่าวว่า "แนวโน้มปัจจุบันนิยมวิธีการที่ไม่เจ็บปวด เช่น การฉีดสารปริมาณน้อยๆ แทนที่จะทำการผ่าตัด จะเป็นวิธีการรักษาความงามในสหัสวรรษใหม่"
"การผ่าตัดไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไป ทั้งชายและหญิงที่ต้องกลับไปสู่ความอ่อนเยาว์กำลังแสวงหาทางเลือกที่เห็นผลรวดเร็วขึ้น ประหยัดและปลอดภัยกว่าเดิม และไม่มีความเจ็บปวด เช่น การผ่าตัดดึงใบหน้าอย่างที่เคยทำกันมา ผู้คนมากมายต่างยอมรับว่า โบทอกซ์โ เป็นวิธีการที่ง่ายกว่าในการให้พวกเขารู้สึกและดูอ่อนเยาว์ลง และทำให้คุณภาพชีวิตโดยรวมดีขึ้นด้วย"
น.พ. เวสเชลอร์ ซึ่งเป็นผู้วิจัยหลักในการศึกษาทดลองนำโบทอกซ์โ ไปใช้ด้านการเสริมความงามเพื่อลดริ้วรอยย่น ได้เดินทางมาเยือนไทย เพื่อเป็นวิทยากรในการประชุมวิชาการ เรื่อง "โบทูลินั่ม ทอกซิน เป็นเทคนิคการเสริมความงามที่ล้ำหน้า" แก่แพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง และแพทย์โรคผิวหนังในไทย
"ความภูมิใจในรูปโฉมของตนเป็นสิ่งปกติ และไม่มีสังคมใดในโลกที่ชื่นชอบผิวที่มีริ้วรอยอันที่จริง เป็นที่ทราบกันดีว่ารูปลักษณ์ภายนอกมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จในชีวิตของคนเรา"
"ดาราฮอลลีวู้ดหลายคนทำทรีตเมนต์ด้วยโบทอกซ์ปีละสามครั้งเพื่อรักษาผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์ ส่วนใหญ่มักเลือกการฉีด เพื่อขจัดรอยย่นที่หน้าผาก รอยตีนกา และรอยขมวดที่หัวคิ้ว" น.พ. เวสเชลอร์ กล่าว
สมาคมแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเพื่อความงามแห่งอเมริกา (ASAPS - the American Society for Aesthetic Plastic Surgery) ระบุว่าปีที่แล้วมีผู้คนมาพบแพทย์เพื่อความงาม 4.6 ล้านครั้งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึง 66% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น มีการทำ ศัลยกรรมตกแต่งเพิ่มขึ้นเพียง 16% ในขณะที่กรรมวิธีที่ไม่พึ่งการผ่าตัดเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 98%
โบทอกซ์โ จึงเป็นวิธีการเสริมสร้างความงามที่เติบโตเร็วขึ้นเป็นอันดับสองในสหรัฐฯ ในปี 1999 รองจากวิธีการลอกผิวด้วยสารเคมี โดยมีการใช้โบทอกซ์เพิ่มขึ้น 216 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดจำนวนรวมของผู้ที่รับการฉีดสารนี้ สูงถึง498,204 ครั้ง วิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมสูงสุดสามอันดับแรกของชาวอเมริกันยุคหลังสงครามโลก คือ วิธีการที่ไม่ต้องรอเวลารักษาหรือเสียเวลาน้อยที่สุดซึ่งได้แก่ การลอกผิวด้วยสารเคมี การฉีดโบทอกซ์โ และการฉีดคอลลาเจน
พ.ญ. นันทภัทร สุภาพรรณชาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังแห่งโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า "การประชุมวิชาการดังกล่าวได้นำเสนอผลการรศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการใช้โบทอกซ์ ในการลบรอยย่นบริเวณข้างจมูก ปาก คาง และคอ ซึ่งนับว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของการรักษาริ้วรอยย่นบนใบหน้า เพราะที่ผ่านมาแพทย์ไทยมีประสบการณ์ในการใช้โบทอกซ์ ฉีดเพื่อแก้ไขริ้วรอยย่นเฉพาะส่วนบนของใบหน้า บริเวณหน้าผาก หัวคิ้ว และรอยตีนกา ดังนั้น ผลการประชุมในวันนี้ จะทำให้ทราบว่า สามารถใช้โบทอกซ์ ในการฉีดแก้ไขริ้วรอยย่นได้แทบทั่วใบหน้า ซึ่งขณะนี้ที่เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้คนห่วงเรื่องบุคลิกภาพ และยอมรับกรรมวิธีการเสริมความงามแบบใหม่ เพื่อชะลอวัย
"เป็นที่คาดว่าจำนวนของสตรีและชายไทยจะเลือกปรึกษาแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งและแพทย์โรคผิวหนัง เพื่อปรับปรุงรูปโฉมของตนเองจะเพิ่มขึ้นอย่างมากตามแนวโน้มทั่วโลกในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสหรัฐอเมริกาซึ่งประชากรร้อยละ 6 เสริมความงามด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง"
"ปัจจุบัน ทั้งสาวใหญ่และหนุ่มใหญ่ของไทยโดยเฉพาะบรรดานักธุรกิจ และคนทำงานต่างก็ยอมรับและผ่านการเสริมความงามด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง" พ.ญ.นันทภัทร กล่าว
ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือประสงค์จะนัดสัมภาษณ์ น.พ. เวสเชลอร์ หรือ พ.ญ. นันทภัทร สุภาพรรณชาติ
กรุณาติดต่อ คุณปองปรัชญ์ สุโรจนะเมธากุล
บริษัท แชนด์วิค อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 257-0300--จบ--
-อน-