กรุงเทพฯ--5 ก.ย.--สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
กระทรวงพลังงานชี้แจงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตการรวมสัญญาโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนน้ำงึม 1 และเขื่อนเซเสด จาก สปป.ลาว ทำให้ไทยต้องรับซื้อไฟราคาเพิ่มขึ้นว่า โครงการดังกล่าวอยู่ในรูปแบบการให้ความช่วยเหลือและแลกเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้า เสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าแต่ละประเทศร่วมกัน พร้อมแจงปัจจัยต้นทุนต่างๆ ที่อนุฯ ด้านพลังงานไฟฟ้าระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการรวมสัญญาโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนน้ำงึม 1 และเขื่อนเซเสด ของรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (ฟฟล.) ทำให้ราคารับซื้อไฟปรับเพิ่มขึ้นจากหน่วยละ 1.60 บาท เป็นหน่วยละ 2 บาทนั้น ขอเรียนชี้แจงว่า การซื้อขายไฟฟ้าโครงการเขื่อนน้ำงึม 1 และโครงการเขื่อนเซเสด เป็นความร่วมมือระหว่างไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในรูปแบบของการให้ความช่วยเหลือและแลกเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้า เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้าของแต่ละประเทศร่วมกัน รวมทั้งเป็นการประสานประโยชน์ตามข้อตกความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในกลุ่มประชาคมอาเซียนในการแบ่งปันการใช้ทรัพยากรร่วมกัน และช่วยกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายมีการซื้อและขายไฟฟ้าให้แก่กันมาโดยตลอด
การพิจารณาการรับซื้อไฟฟ้าระหว่าง 2 ประเทศ คณะอนุกรรมการประสานความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงและปัจจัยในด้านต่างๆมาใช้ประกอบการพิจารณาอย่างรอบด้าน ราคารับซื้อที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากต้นทุนเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่คือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำห้วยลำพันใหญ่ และการก่อสร้างเพื่อเพิ่มกำลังผลิตของเขื่อนน้ำงึม 1 และเขื่อนเซเสด ที่นำมารวมพิจารณาในข้อตกลงความร่วมมือในการซื้อและขายไฟฟ้าผ่านสัญญาเขื่อนน้ำงึม 1 และ เขื่อนเซเสด ในครั้งนี้ ประกอบกับราคารับซื้อไฟฟ้าในอัตราหน่วยละ 2 บาท จะใช้เฉพาะในช่วงเวลาความต้องการไฟฟ้าสูง ส่วนในช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำจะซื้อในราคาหน่วยละ 1.60 บาท ซึ่งอยู่ในระหว่างเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)