กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--
อะไรเป็นบ่วงของมาร? ชีวิตของคนเรามักไขว้คว้าหาสิ่งที่จิตปรุงแต่งขึ้นมาสิ่งที่ล้วนทำให้เราเกิดทุกข์ เกิดความเศร้าโศกเสียใจ มีความยึดมั่นถือมั่น สิ่งนั้นเป็นของเรา สิ่งนี้เป็นของเรา พระพุทธเจ้าเคยสอนพระภิกษุไว้ว่า "สังขารที่เที่ยงแท้ แม้เล็กน้อยเพียงทรายที่อยู่ในเล็บ ก็ไม่มีเลย สิ่งที่ถูกปรุงแต่ง มักเปลี่ยนแปลงเสมอ" หากเรารู้เหตุที่ทำให้เกิดบ่วงมารและหาหนทางไปสู่การหลุดพ้น ทิ้งสิ่งที่คิดว่าจริง เราก็จะพ้นบ่วงมาร ธรรมบรรยาย หัวข้อ "รู้ความจริง ทิ้งตัวตน พ้นบ่วงมาร" โดย พระภาวนาเขมคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ได้ถ่ายทอดธรรมะและคำสอนทางพระพุทธศาสนาดีๆ ผ่านเวทีเรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ ณ อาคารซีพี ทาวเวอร์ ให้ประชาชนได้รับฟังธรรมและนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
พระภาวนาเขมคุณ ได้ให้ความรู้ของเหตุที่ทำให้เกิด "บ่วงมาร" สิ่งนั้นก็คือ การเวียนว่ายตายเกิด การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ถือว่าเป็นทุกข์ เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องเจอ หรือแม้แต่การจากลา การประสบกับสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจ ความเศร้า ความขมขื่น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเริ่มต้นจาก การเกิดในทางพระพุทธศาสนาการแก้ไขการเกิดได้นั้นจะต้องย้อนกลับไปดูที่เหตุว่าสิ่งใดเป็นเหตุ เหตุเกิดการอะไร ซึ่งจริงๆแล้วเหตุก็คือกรรมที่แปลว่าการกระทำนั้นเอง ซึ่งแบ่งได้ 3 กรรม ได้แก่ กายกรรม วจีกรรมและมโนกรรม คนที่ทำกรรมดีสิ่งที่จะได้รับก็จะเป็นความสุข ส่วนคนที่ทำกรรมไม่ดีสิ่งที่จะได้รับก็จะเป็นความทุกข์ กรรมไม่สิ่งตอบแทนของการกระทำแต่กรรมเป็นผลจากการกระทำของตัวเราเอง การทำกรรมเกิดจาก กิเลส หรือความโลภ โกรธ หลง เป็นเหตุปัจจัยให้ทำกรรมชั่ว การมีกิเลสจะทำให้คนทำความดีที่ไม่เที่ยงแท้ เช่น ถ้าอยากรวยก็ไปถวายสังฆทานซึ่งเป็นการทำบุญที่อาศัย ตัณหา และการที่เราคิดว่าตัวเราเป็นของเรา เรียกว่า อุปาทาน คือ ความไม่รู้ หรือรู้ในสิ่งที่ไม่จริง เช่น รู้ว่าเป็นหญิงเป็นชาย เป็นสัตว์ เป็นบุคล เป็นของเรา ทั้งสามสิ่งนี้คืออวิชชา
ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดที่เกิดมาแล้วไม่เปลี่ยนแปลง ไม่บุบสลาย ทุกอย่างล้วนตั้งอยู่และดับไป การทำลายอวิชชาจะต้องดับ กิเลส ตัณหา และอุปาทาน เมื่อเหล่านี้ดับก็จะสิ้นกรรม สิ้นการเวียนว่ายตายเกิด อาวุธที่จะทำลายอวิชชา คือ ปัญญา การรอบรู้ การรู้แจ้งเห็นจริง แม้ว่าเราจะมีการศึกษาที่สูงจบปริญญาตรี ปริญญาเอก แต่ก็ไม่ทำให้เราหลุดพ้นจากความทุกข์ได้เพราะนั้นไม่ใช่การศึกษาที่แท้จริง ปัญญาจึงหมายถึง การศึกษาธรรม การมีสติมีสมาธิ เข้าสู่เจริญภาวนา
ทุกคนล้วนมีสิ่งที่จิตปรุงแต่งขึ้นมา ปรุงให้พอใจ ปรุงให้ไม่พอใจ ปรุงให้กลัว ปรุงให้ห่วง ปรุงให้หวง จนเกิดความกระวนกระวายใจขึ้นมา หรือแม้แต่การที่เราโกรธใคร แค้นใคร ก็เป็นสิ่งที่จิตปรุงแต่ง
สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์จริงๆ ก็คือตัวเรา หากจิตมัวแต่คิดเรื่องที่ไม่ดี เรื่องเก่าๆ ที่ทำให้ไม่สบายใจคนที่จะทุกข์ก็คือตัวเรา ดังคำที่พระท่านว่า" เรื่องดีจำไม่ได้ เรื่องร้ายจำไม่ลืม" หนทางการละทิ้ง คือ การปล่อยวาง อย่าปล่อยให้ความคิดวิ่งไปหาเรื่องราว เมื่อคิดแล้วทุกข์ก็หยุดคิดจิตจะได้สบาย ปล่อยวางแบบกำหนดรู้ ไม่บังคับเพราะยิ่งบังคับไม่ให้คิดก็ยิ่งเพิ่มความเครียด ความกดดันให้ตัวเอง แค่กำหนดรู้ว่าตอนนี้จิตเราคิดเรื่องใดแล้วพาจิตกลับมาไว้ที่ตัวเช่นเดิม
สำหรับผู้ที่สนใจอยากได้รับข้อคิดดีๆ สามารถเข้าร่วมโครงการ "เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ" หนึ่งในโครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมของ เซเว่น อีเลฟเว่น ทุกวันศุกร์ เวลา 12.00 – 13.00 น. ชั้น 11 ซีพี ทาวเวอร์ ถนนสีลม หรือติดตามชมได้รายการ "พุทธปัญญาภิรมย์" ช่อง 16 (TNN NEWS 24) เวลา 07.00-07.30 น. ทุกวันเสาร์และอาทิตย์