กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 / 2544 มีกำไร 414 ล้านบาท มากกว่า ไตรมาส 2 / 2543 กว่า 400 % พร้อมชำระหนี้เงินกู้ในไตรมาสนี้อีก 1,400 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเหลือ 0.8 : 1.0 มั่นใจตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ยังคงเน้นนโยบายทำบ้านสร้างก่อนขาย เพิ่มสัดส่วนตลาดบ้านเดี่ยวราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมซื้อที่ดินเปิดโครงการใหม่โดยใช้เงินลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางของตลาดที่อยู่อาศัยว่า ในช่วงหลังของปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคตัดสินใจซื้อบ้านเร็วขึ้นเนื่องจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีการแข่งขันสูงทำให้อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ จากตัวเลขจดทะเบียนที่อยู่อาศัยเพิ่มในกรุงเทพฯและปริมณฑล เดือนมกราคม -พฤษภาคมปีนี้มีจำนวน 15,655 ยูนิต เพิ่มขึ้น 27 % จากช่วงเดียวกันของปี 2543 ที่มียอดบ้านจดทะเบียน 12,296 ยูนิต การฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในครั้งนี้ไม่เหมือนในอดีตที่ผ่านมาเนื่องจากปัจจัยที่เปลี่ยนไป โดยผู้บริโภคจะพิจารณาผู้ประกอบการและสภาพแวดล้อมในโครงการเป็นอันดับที่ 1 อันดับที่ 2 คือราคาบ้านและทำเลที่ตั้งโครงการ ส่วนอันดับที่ 3 คือ รูปแบบบ้าน และผู้ประกอบการต้องปรับทิศทางการบริหารและพัฒนาสินค้า โดยใช้ข้อมูลและแผนการตลาดที่ชัดเจนตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และนำเทคโนโลยีที่ดีมาพัฒนางานก่อสร้างบ้านให้มีคุณภาพสม่ำเสมอ ซึ่งจะส่งผลดีในด้านการควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้น
นายอนันต์ ได้กล่าวเพิ่มเติมด้านการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีรายรับจากยอดโอน 4,218 ล้านบาท คิดเป็นยอดขายเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 70 % ในปัจจุบันสัดส่วนบ้านสร้างก่อนขายกับบ้านสั่งสร้างของบริษัทฯ คิดเป็น 70 : 30 และบริษัทฯ มีส่วนแบ่งในตลาดรวมบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอยู่ประมาณ 23 %
ด้านนโยบายการตลาดในช่วงหลังของปี 2544 นี้ ได้ขยายฐานลูกค้าบ้านสร้างก่อนขายไปที่ระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป เพราะบริษัทฯ เล็งเห็นว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีความสนใจและต้องการบ้านสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่เช่นกัน รวมทั้งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการซื้อสูง และในไตรมาส 3นี้บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่อีก 2 แห่งคือนันทวัน สุขุมวิทและมัณฑนา พระราม9-วงแหวน
สำหรับยอดขายในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตที่ 30 % พร้อมเตรียมเงินลงทุน 1,500 ล้านบาทไว้ซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) ได้แถลงถึงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 / 2 544 มีกำไรสุทธิ 414 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาสที่ 2 / 2543 มีกำไรสุทธิเพียง 77 ล้านบาท และกำไรสุทธิของทั้งปี 2543 มีเพียง 216 ล้านบาทเท่านั้น สาเหตุที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 400% ในไตรมาส 2 มีดังต่อไปนี้
1. บริษัทฯ มียอดขายในไตรมาสที่ 2/2544 เท่ากับ 2,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2543 ซึ่งมียอดขาย 1,633 ล้านบาท เพิ่มถึง 33% หากรวมบริษัทย่อยแล้วจะมียอดขายรวมเป็น 2,400 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2544 ซึ่งเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2543
2. บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 29% ในไตรมาสที่ 2/2543 เป็น 33% ในไตรมาสที่ 2/2544 โดยเป็นผลมาจากการควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร
3. อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงเหลือเพียง 9.0% ของยอดขายในไตรมาสที่ 2/2544 เมื่อเทียบกับ 12.3% ในไตรมาส 2/2543 ทั้งนี้เพราะประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายสร้างบ้านก่อนขาย
4. ดอกเบี้ยจ่ายในไตรมาสที่ 2/2544 ลดลง 27 ล้านบาท เนื่องจากภาระหนี้ที่ลดลงตามลำดับ
ทางด้านฐานะการเงินของบริษัทฯ นั้น นายอดิศรได้ชี้แจงว่า ยอดหนี้ของบริษัทฯ ได้ลดลงมาโดยตลอด และลดลงเร็วกว่าที่บริษัทฯ เคยคาดไว้ กล่าวคือ ในปี 2543 บริษัทฯ สามารถลดหนี้ลงเป็นจำนวนประมาณ 1,600 ล้านบาท แต่เฉพาะไตรมาสที่ 2/2544 เพียงไตรมาสเดียว บริษัทฯ ได้คืนเงินกู้ไปเป็นจำนวนกว่า 1,400 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงจาก 1.1 : 1.0 เมื่อปลายปี 2543 เหลือเพียง 0.8 : 1.0 (มีหนี้เงินกู้เท่ากับ 80% ของทุน)เมื่อสิ้นไตรมาส 2/2544
นายอดิศร ให้ความเห็นเพิ่มเติมถึงแนวโน้มของผลประกอบการในอนาคตว่า บริษัทฯ ยังคงจะได้รับผลดีจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลงอันเนื่องจากหนี้เงินกู้ของบริษัทฯ ที่ทยอยลดลงอย่างรวดเร็ว--จบ--
-อน-