กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--เอบีเอ็ม
บ๊อช ประเทศไทยจัดแสดงเทคโนโลยีแห่งการเชื่อมต่อด้วยอินเทอร์เน็ตภายใต้แนวคิด "บ๊อช IoT: Totally Connected" ภายในงาน Bosch Innovation House
บ๊อชซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีและการบริการในระดับโลก นำเสนอนวัตกรรมด้านโซลูชั่นส์ พร้อมสาธิตเทคโนโลยีการเชื่อมต่อด้วยอินเทอร์เน็ตที่สามารถเปลี่ยน "กระบวนการทำธุรกิจแบบออฟไลน์" ไปสู่การเป็นพันธมิตร เพื่อนคู่คิด และผู้ช่วยในด้านต่างๆ ด้วยธุรกิจที่สำคัญทั้ง 5 ด้านของบริษัท ได้แก่ Smart Home, Connected Mobility, Smart City, Connected Industry และ Smart Agriculture
การผสานกันระหว่างโลกทางกายภาพและโลกดิจิทัล กำลังสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อรูปแบบการผลิต รวมทั้งวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นในอาเซียน การเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านี้ ได้สร้างประโยชน์นานัปการ อาทิ ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต อำนวยความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำเสนอข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มผลิตภาพ ประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไร และเพื่อลดเวลาที่เครื่องจักรหยุดทำงานและเวลาการซ่อมแซมเครื่องจักร รวมถึงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เป็นต้น
มร. โจเซฟ ฮง กรรมการผู้จัดการ บ๊อช ประเทศไทย กล่าวว่า "ภายในงาน Bosch Innovation House ได้มีการจัดแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีแห่งการเชื่อมต่อช่วยพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถของแต่ละธุรกิจได้อย่างไร โดยบ๊อชเองมีบทบาทที่สำคัญในการเชื่อมต่อ เมือง บ้าน อุตสาหกรรมต่างๆ หรือแม้กระทั่งยานพาหนะ และการเพาะปลูก เข้าด้วยกันด้วยอินเทอร์เน็ต โดยการออกแบบการเข้าถึงระบบควบคุมต่างๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น และรวบรวมผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายต่างๆ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายไว้ในซัพพลายเชน (supply chain) เดียวกันโดยอัตโนมัติ"
ตัวอย่างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีด้านโซลูชั่นส์ และการบริการอันล้ำสมัยนำมาจัดแสดงในงาน Bosch Innovation House ที่กรุงเทพฯ
Smart Home เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอัจฉริยะต่างๆ ของบ๊อช สามารถควบคุมจากระยะไกลผ่านแอพพลิเคชั่นเดียวบนสมาร์ทโฟน แม้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชิ้นจะมาจากแบรนด์ที่แตกต่าง ตัวอย่างเช่น คุณสามารถตรวจสอบสิ่งของภายในตู้เย็นได้แม้ขณะอยู่นอกบ้าน ควบคุมการทำงานของเครื่องล้างจานได้ในระยะไกล เปิดการทำงานของเตาอบไฟฟ้าก่อนที่จะถึงบ้าน หรือ 'สั่ง' กาแฟคาปู-ชิโนหอมกรุ่นเตรียมไว้รอล่วงหน้าก่อนถึงบ้าน
Connected Mobility
บ๊อชเป็นผู้นำการผลิตและจัดจำหน่ายด้านยานยนต์รายแรกของโลกที่ทดสอบการขับขี่อัตโนมัติบนถนนสาธารณะ โดยมีการทดสอบรวมกันแล้วหลายพันกิโลเมตร คุณสามารถทดลองการขับขี่อัตโนมัติด้วยตัวเองผ่านแว่นตาพิเศษที่ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (VR glasses) ได้ที่งานนี้
บ๊อชคือผู้บุกเบิกด้านการนำเทคโนโลยีเสมือนจริงหรือเออาร์ (Augmented Reality) มาใช้ประโยชน์ในภาคธุรกิจยานยนต์ และนับเป็นองค์กรแรกที่นำเสนอแพลตฟอร์มสำหรับการทำเทคโนโลยีเสมือนจริงสำหรับภาคอุตสาหกรรมขึ้นมา เทคโนโลยีเสมือนจริงถูกนำไปใช้กับการทดลองการขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ช่างเทคนิคได้เห็นตำแหน่งของส่วนประกอบต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ หรือสายเคเบิลที่ขดอยู่ภายใต้แผงหน้าปัดบนเครื่องคอมพิวเตอร์แทบเล็ตได้
Smart City
สำหรับเมืองอัจฉริยะ บ๊อชนำเสนอโซลูชั่นส์ต่างๆ ที่ครอบคลุมธุรกิจยานยนต์ พลังงาน การก่อสร้าง การรักษาความปลอดภัย และการบริหารจัดการเมืองด้วยระบบดิจิทัล การตรวจสภาพการทำงานของแรงดันกระแสไฟฟ้าและการใช้พลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ (Non-Intrusive Load Monitoring: NILM)ระบบการตรวจ NILM สามารถวัดแรงดันกระแสไฟฟ้าและการใช้พลังงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละชิ้น (Non-Intrusive Load Monitoring: NILM) และสามารถวัดการทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้ในช่วงเวลาต่างๆ ได้ ประโยชน์ด้านอื่นๆ ที่ได้จากระบบนี้คือช่วยค้นหาความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้อีกด้วย ระบบติดตามสภาพอากาศขนาดเล็ก (Micro Climate Monitoring Systems: MCMS)ระบบติดตามสภาพอากาศขนาดเล็กของบ๊อช (Micro Climate Monitoring Systems: MCMS) คือโซลูชั่นตรวจสภาพอากาศอัจฉริยะ ที่สามารถแสดงภาพ วิเคราะห์ และตอบสนองต่อคุณภาพอากาศ ด้วยการตรวจติดตามสภาวะมลพิษในอากาศแบบเรียลไทม์ กล้องวงจรปิด MIC IP7000 (Mickie)กล้องวงจรปิดสำหรับภายนอกซึ่งมีความแข็งแรงและทนทานอย่างสูง เหมาะสำหรับใช้ในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมต่างๆ สามารถหมุนได้รอบทิศ 360 องศาอย่างต่อเนื่อง สามารถปรับมุมก้มเงยได้ 290 องศา
Connected Industry
นโยบายอุตสาหกรรม 4.0 ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ช่วยให้มนุษย์และเครื่องจักรสามารถทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัยและคล่องตัว โดยมีซอฟต์แวร์ที่ช่วยตรวจจับความคลาดเคลื่อนต่างๆ เพื่อให้ได้คุณภาพ ผลิตภาพ และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
Smart Agriculture
ตัวเซ็นเซอร์ที่มีความละเอียดสูง (Deep field sensor)
บ๊อชช่วยให้งานด้านการเกษตรมีประสิทธิภาพสูง ด้วยการนำเซ็นเซอร์และโซลูชั่นส์ต่างๆ มาให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบความชื้นและอุณหภูมิของดิน นอกจากนี้ ยังช่วยติดตามการเติบโตและพัฒนาการต่างๆ ของพืชผลได้อีกด้วย
"โดยรวมแล้ว งาน Bosch Innovation House คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของบ๊อชในการสร้างสรรค์และผลักดันให้เกิดการพลิกโฉม ด้วยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ด้านยานยนต์และการเชื่อมต่อด้วยระบบ IoT ทั้งนี้ บ๊อชคาดการณ์ว่า ภายในปี 2563 ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ๆ ของเรา จะสามารถเชื่อมต่อกันด้วยอินเทอร์เน็ต นับเป็นการตอกย้ำถึงการพลิกโฉมครั้งสำคัญที่มีผู้ได้รับประโยชน์มากมายจากโซลูชั่นส์ด้าน IoT ที่เชื่อมต่อผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นแวดวงธุรกิจต่างๆ และผู้บริโภค เพราะที่บ๊อช เราช่วยสร้างความแตกต่าง" มร. ฮง กล่าวสรุป