กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ชี้แจงหลังมีการเผยแพร่มติที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (ทอท.) กรณีไม่อนุญาตให้ไปรษณีย์ไทยขนส่งไปรษณีย์ของผู้ใช้บริการผ่านทางท่าอากาศยาน 6 แห่งทั่วประเทศ พร้อมทำหนังสือแจ้งให้งดรับไปรษณียภัณฑ์ของไปรษณีย์ไทยไปยังผู้ประกอบการสายการบินทุกแห่งตามที่เป็นข่าวเผยแพร่ไปแล้วนั้น
นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า สำหรับกรณีดังกล่าว ไปรษณีย์ไทย ได้รับหนังสือแจ้งจาก ทอท. แล้ว จึงขอเรียนชี้แจงว่าในการขนส่งสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ของผู้ใช้บริการจากทั่วประเทศนั้น ไปรษณีย์ไทยใช้การขนส่งทางถนนเป็นเส้นทางหลักในการดำเนินงานตามปกติ โดยแยกระบบงานไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) และไปรษณียภัณฑ์ธรรมดาอยู่แล้ว โดยมีรถขนส่งไปรษณีย์สำหรับขนส่งไปรษณียภัณฑ์ทุกประเภทวิ่งรับ - ส่งสิ่งของที่ฝากส่งจากผู้ใช้บริการกว่าสองพันเที่ยวต่อวัน ครอบคลุมทุกที่ทำการไปรษณีย์และศูนย์ไปรษณีย์ทั่วประเทศ ซึ่งการขนส่งสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ผ่านทางท่าอากาศยานนั้น เป็นเพียงอีกเส้นทางการขนส่งเท่านั้น เช่น การขนส่งไปรษณีย์จากกรุงเทพฯ ถึง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หากเป็นการขนส่งทางถนนในเส้นทางปกติ ไปรษณียภัณฑ์จะถูกส่งต่อถึงศูนย์ไปรษณีย์ปลายทางเพื่อทำการคัดแยกในเวลา 03.00 น. แต่การขนส่งผ่านทางท่าอากาศยานนั้น เจ้าหน้าที่จะได้รับไปรษณียภัณฑ์ในเวลา 23.00 น. ซึ่งทำให้มีเวลาในการคัดแยกไปรษณียภัณฑ์เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ไปรษณียภัณฑ์ทุกชิ้นไม่ว่าจะขนส่งทางถนนหรือทางท่าอากาศยาน เมื่อเจ้าหน้าที่คัดแยกเสร็จเรียบร้อยแล้วจะถูกส่งต่อไปเตรียมการนำจ่ายพร้อมกันในช่วงเช้า
สำหรับการดำเนินงานด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยในการฝากส่งสิ่งของของไปรษณีย์ไทยนั้น ปัจจุบันมีการเปิดจุดให้บริการหุ้มห่อสิ่งของ พร้อมตรวจสอบสิ่งของก่อนการฝากส่ง รวมไปถึงมีมาตรการให้ผู้ใช้บริการแสดงบัตรประจำตัวประชาชนทุกครั้งก่อนการฝากส่ง ซึ่งทำให้ปัญหาการลักลอบส่งสิ่งผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติดและอาวุธปืน มีอัตราลดน้อยลง นอกจากนี้ ศูนย์ไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศยังมีการติดตั้งเครื่องสแกนโลหะและวัตถุระเบิด ซึ่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบไปรษณียภัณฑ์ทุกชิ้นก่อนการส่งต่อไปนำจ่ายทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย ขอยืนยันว่า การประกาศงดรับ - ส่งสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ผ่านท่าอากาศยานของ ทอท. นั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อมาตรฐานคุณภาพการให้บริการของไปรษณีย์ไทยและต่อผู้ใช้บริการอย่างแน่นอน โดยไปรษณีย์ไทยจะดำเนินการขนส่งสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ผ่านทางถนนทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2560 เป็นต้นไป พร้อมทั้งเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ในการคัดแยกไปรษณียภัณฑ์เพื่อส่งต่อไปยังปลายทางให้เป็นตามมาตรฐานที่ไปรษณีย์ไทยกำหนดไว้ และพร้อมดำเนินการปรับปรุงขั้นตอนการตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กำหนดต่อไป นางสมร กล่าวในท้ายสุด