กรุงเทพฯ--15 ก.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
เบี้ยประกันภัยรับตรงของภาคธุรกิจประกันวินาศภัยของประเทศไทยเติบโตสูงขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม โอกาสที่เบี้ยประกันภัยจะเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่องยังมีความไม่แน่นอน ฟิทช์กล่าวไว้ในรายงานฉบับล่าสุด
อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศไทยในระดับต่ำอย่างต่อเนื่องอาจเป็นปัจจัยจำกัดการบริโภคของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเนื่องให้ความต้องการในผลิตภัณฑ์ด้านการประกันภัยปรับตัวลดลง ในขณะที่การอนุมัติการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลหรือการอนุมัติให้นำค่าเบี้ยประกันสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้ ก็อาจส่งผลให้ปริมาณเบี้ยประกันภัยรับปรับตัวสูงขึ้นได้ในอนาคต
อัตรากำไรของธุรกิจประกันภัยรถยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคธุรกิจประกันวินาศภัยไทย ปรับตัวต่ำลงอย่างต่อเนื่องจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรงและค่าสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้น ฟิทช์เชื่อว่าบริษัทประกันวินาศภัยขนาดเล็กมีโอกาสมากกว่าที่จะขาดทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการเปิดเสรีการประกันภัยรถยนต์ในอนาคต
ฟิทช์คาดว่าบริษัทประกันวินาศภัยไทยจะยังสามารถรักษาระดับเงินกองทุนไว้ได้ในระดับที่แข็งแกร่ง ซึ่งสัดส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องสำรองตามกฎหมายของภาคธุรกิจประกันวินาศภัยในช่วงปี 2555 – 2559 อยู่สูงกว่าระดับขั้นต่ำตามเกณฑ์มาก ในขณะที่บริษัทประกันวินาศภัยขนาดใหญ่ที่สุด 5 ลำดับแรกยังคงสามารถรักษาสัดส่วนเงินกองทุนฯ ไว้ที่ระดับสูงกว่า 200%
รายงานเรื่อง "Thailand Non-Life Insurance Dashboard 2017" สามารถดูได้จากwww.fitchratings.com