กรุงเทพฯ--15 ก.ย.--โมเดิร์นเทียร์
บริษัท นิธิฟู้ดส์ เข้ารับรางวัล PRIME MINISTER'S EXPORT AWARD 2017 สาขาแบรนด์ไทยยอดเยี่ยม พร้อมมองต่างประเทศยังคงเป็นโอกาสของสินค้ากลุ่มอาหารไทย เนื่องจากมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และได้รับความนิยม จึงเตรียมขยายตลาดสู่ต่างประเทศมากขึ้นจากเดิมมีส่วนแบ่งการตลาดเพียงร้อยละ 10 ให้ได้ยอดขายรวม 500 ล้านบาทในปี 2020 ขณะเดียวกันทุ่มงบประมาณ 20 ล้านบาทสร้างโรงงานผลิต พื้นที่ 1,500 ตารางเมตรรองรับการขยายตัวและเพิ่มกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 900 ตันต่อปี พร้อมคิดค้นสูตรใหม่สู่การเป็นวัตถุดิบปรุงขนมหวาน เน้นกลุ่มเป้าหมายอายุ 9-12 ปีที่เริ่มมีทักษะการทำอาหาร
นายสมิต ทวีเลิศนิธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิธิฟู้ดส์ จำกัด กล่าวภายหลังการเข้ารับรางวัล PRIME MINISTER'S EXPORT AWARD 2017 สาขาแบรนด์ไทยยอดเยี่ยมจากการส่งเครื่องปรุงรส "ตราพ็อคเก็ตเชฟ" เข้าประกวดว่า รู้สึกภาคภูมิใจมากกับรางวัลนี้เพราะจะเป็นเครื่องหมายที่สามารถการันตีได้ว่าสินค้าของบริษัทมีคุณภาพซึ่งจะทำให้ลูกค้ามั่นใจในสินค้าของบริษัทมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันมองว่าตลาดอาหารในต่างประเทศยังมีโอกาสเติบโตอีกมากสำหรับสินค้าไทย เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีภูมิปัญญาด้านการปรุงอาหารจนทำให้รสชาติติดอันดับต้นๆของโลกและเป็นที่รู้จักแพร่หลาย แต่ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการว่าจะมีวิธีการนำเสนอและสร้างสรรค์สินค้าอย่างไรให้สามารถตอบสนองผู้บริโภคได้ ทางบริษัทจึงคิดค้นผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมาเพราะไม่เพียงแต่จะสามารถลดปัญหาด้านแรงงานที่เกิดจากการลาออกหรือย้ายสถานที่ทำงานของนักปรุงที่ชำนาญการทำให้ต้องฝึกฝนนักปรุงใหม่ๆมาแทนที่ซึ่งจะทำให้รสชาติไม่คงเดิม ยังทำให้สามารถควบคุมมาตรฐานของรสชาติ ควบคุมต้นทุน รวมถึงคิดค้นสูตรใหม่และยังเกิดความสะดวกต่อผู้บริโภคอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารที่ใช้ผลิตภัณฑ์เพราะเพียงใช้ผลิตภัณฑ์นี้ก็จะทำให้รสชาติอาหารอร่อยถูกปาก ประกอบกับการให้ความสนใจเข้าครัวของกลุ่มเด็กเล็กจึงวางแผนการตลาดโดยเน้นกลุ่มเป้าหมายสู่เด็กอายุ 9-12 ปี ที่เริ่มมีทักษะในการทำอาหารโดยได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง
นอกจากนี้เพื่อเป็นการพัฒนาสินค้าได้มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับกระบวนการผลิต และการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อให้ง่ายต่อการสื่อสารกับผู้บริโภคจึงได้ลงทุนเพิ่มในการพัฒนาซอฟท์แวร์และการจัดการองค์กรซึ่งดำเนินการควบคู่ไปกับแบบออฟไลน์ รวมถึงแผนการสร้างโรงงานผลิตและบรรจุสินค้าแห่งใหม่ในปี 2561 พื้นที่ 1,500 ตารางเมตร ซึ่งจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ไม่ต่ำกว่า 900 ตันต่อปี โดยใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ส่วนการขยายตลาดสู่ต่างประเทศนั้นได้ร่วมกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่างๆ ทั้งกลุ่มอาเซียน จีน ยุโรป โดยเน้นการพัฒนาสูตรสินค้าและบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของแต่ละประเทศโดยจะเริ่มทำการส่งออกมากขึ้นในปีนี้เพื่อให้ได้สัดส่วนที่มากขึ้นจากเดิมที่มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น โดยตั้งเป้ายอดขายรวมทั้งในและต่างประเทศไว้ที่ 500 ล้านบาท ในปี 2020
ทั้งนี้ พ็อคเก็ตเชฟ สินค้าที่ได้รับรางวัล มีแนวคิดมาจาก 2 อย่างคือ พ็อคเก็ตที่เปรียบเสมือนกระเป๋าใบเล็กพกพาง่าย และเชฟซึ่งเป็นผู้สร้างสรรค์เมนูอาหาร ซึ่งหากรวมกันแล้วจะหมายถึงการมีเชฟอยู่ในกระเป๋าของคุณที่สามารถเนรมิตอาหารอร่อยได้อย่างง่ายดาย โดย มีด้วยกัน 8 สูตร อาทิ สูตรกระเทียม ข้าวผัดกุ้ง ต้มยำ แกงเขียวหวาน
อย่างไรก็ตามในอนาคตจะพัฒนาสูตรเพื่อให้สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงของหวาน อาทิ วุ้น พุดดิ้ง หรือ เค้กรวมถึงแป้งประกอบอาหารอื่นๆ เพื่อให้ครอบคลุมพฤติกรรมการบริโภคในตลาดอีกด้วย