กรุงเทพฯ--18 ก.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์
ในการผจญภัยแบบออฟโรด ผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถ และความชำนาญที่มาพร้อมกับความมั่นใจ ซึ่งอาจกลายเป็นเรื่องน่ากดดันสำหรับผู้ที่ไม่เคยสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบออฟโรดมาก่อน แม้จะนั่งอยู่หลังพวงมาลัยของรถที่มีระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ แต่การเริ่มต้นการขับขี่แบบออฟโรดก็ยังท้าทาย และอาจดูไม่สะดวกสบายเหมือนการขับรถบนถนนทั่วไปในชีวิตประจำวัน
หากคุณสงสัยว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร ฟอร์ดขอแนะนำเคล็ดลับดีๆ เพื่อรับมือกับการเดินทางบนทุกพื้นผิวที่ท้าทายและการขับขี่ที่ปลอดภัยเมื่อออกผจญภัยแบบออฟโรด ดังนี้
1. เตรียมตัวให้พร้อม
คุณสามารถลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ได้ โดยการวางแผนการเดินทางอย่างละเอียด และนำอุปกรณ์ที่จำเป็นพกติดตัวไปด้วย ตั้งแต่ การเติมน้ำมันให้เต็มถัง เตรียมเชือกสำหรับลากรถ พลั่ว ยางสำรอง และชุดอุปกรณ์การเปลี่ยนยาง เครื่องปั๊มลมแบบพกพา แผนที่และเข็มทิศหรือจีพีเอสนำทาง รวมทั้ง โทรศัพท์มือถือหรือโทรศัพท์ดาวเทียม เพื่อใช้ในการติดต่อหากเกิดเหตุจำเป็น
2. ทำความคุ้นเคยกับยานพาหนะของคุณ
การรู้จักและเข้าใจวิธีการทำงานของรถยนต์ในหลากหลายสถานการณ์นั้น นับเป็นเรื่องที่สำคัญที่คุณควรเรียนรู้การใช้งานต่างๆ ทั้งคุณสมบัติและเทคโนโลยีที่เฉพาะเจาะจงซึ่งถูกออกแบบมา เพื่อช่วยเหลือผู้ขับขี่เมื่อขับอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบออฟโรด ตัวอย่างเช่น ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ที่มาพร้อมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System) และระบบล็อคเฟืองท้ายแบบElectronic Locking Rear Differential (LRD) ที่ผู้ขับขี่ควรเรียนรู้วิธีการใช้งานก่อนออกไปตะลุยในสภาพแวดล้อมแบบสมบุกสมบัน
นอกจากการเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีของรถแล้ว คุณควรทำความคุ้นเคยกับขนาดของตัวรถและสมรรถนะของรถยนต์ เพราะในบางครั้ง คุณอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องขับรถในที่แคบ ลุยน้ำ หรือขับข้ามสิ่งกีดขวาง ซึ่งในกรณีดังกล่าว คุณจำเป็นต้องทราบขนาดความกว้างความยาวของตัวรถ รวมทั้งความสามารถในการลุยน้ำ ลุยโคลน วิธีการหักเข้า และหักออกจากมุม
3. ลดแรงดันของยาง
อีกหนึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดในการพัฒนาสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรด พร้อมทั้งเพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารตลอดระยะเวลาการเดินทาง ซึ่งข้อดีในการลดแรงดันของยางนั้นมีอยู่มากมาย เช่น
หากพื้นผิวยางสามารถสัมผัสพื้นผิวของถนนได้มากเท่าไหร่ ก็จะช่วยให้รถสามารถกระจายน้ำหนักได้สมดุลมากเท่านั้นยางจะสามารถดูดซับแรงกระทบได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยปกป้องล้อและส่วนอื่นๆ ของยานพาหนะเมื่อขับเคลื่อนบนถนนที่มีพื้นผิวขรุขระการลดแรงแรงดันของยางจะมอบความรู้สึกของการขับขี่ที่นุ่มนวลและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเมื่อออกผจญภัยแบบสมบุกสมบัน ยางที่อ่อนเล็กน้อยจะช่วยยึดเกาะถนนที่มีพื้นผิวขรุขระและสามารถลดแรงกระแทกได้ในเวลาเดียวกัน
เมื่อขับขี่ด้วยขนาดแรงดันยางที่ลดลงแล้ว จงพยายามหลีกเลี่ยงการหักเลี้ยวกะทันหัน เนื่องจากการหักรถทันทีในขณะที่ยางไม่มีแรงดันเพียงพอ จะเพิ่มโอกาสที่ยางจะแยกออกจากล้อได้ ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ต้องเติมลมยางกลับไปเหมือนเดิมทุกครั้งเมื่อกลับไปวิ่งบนถนนปกติ เพราะการขับขี่ด้วยยางที่มีลมไม่เพียงพอบนพื้นผิวถนนปกติจะทำให้ความปลอดภัยในการขับขี่ลดลงและยังกระทบไปถึงอายุการใช้งานของยางและการประหยัดน้ำมันด้วย
4. พยายามใช้ช่วงเกียร์ต่ำที่สุดที่มีอยู่
การควบคุมให้รถของคุณเคลื่อนที่ด้วยเกียร์ต่ำจะช่วยเพิ่มพลังขับเคลื่อนได้ดียิ่งขึ้น ผู้ขับขี่จำเป็นต้องเพิ่มการควบคุมให้มากขึ้นในขณะขับเคลื่อนอยู่บนพื้นผิวเฉพาะที่ขรุขระ ด้วยฟอร์ด เรนเจอร์ ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ความเร็วต่ำ แรงฉุดลากสูง (4x4 Low) ได้ เพียงแค่หมุนสวิทซ์ขณะรถจอดหยุดนิ่ง และเมื่อต้องขับลงเนินที่สูงชัน ก็เพียงกดปุ่มใช้ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) ช่วยควบคุมการขับลงเขาที่เสริมแรงเบรกในระดับความเร็วต่อเนื่อง
5. ขับรถด้วยความเร็วต่ำอย่างระมัดระวัง
การขับรถในอัตราความเร็วต่ำจะช่วยให้ระบบกันกระเทือนรับมือกับแรงกระทบได้ดีกว่า ทำให้การขับขี่นั้นนุ่มนวลและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยผู้ขับขี่จะยังมีเวลาพอที่จะตรวจสอบสิ่งรอบข้าง และมีเวลาไตร่ตรองก่อนจะตอบสนองกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งในการขับรถข้ามสิ่งกีดขวางบางอย่างอาจจะต้องใช้ความเร็วที่เพิ่มขึ้น เช่น การขับขึ้นทางลาดชัน แต่โดยทั่วไปแล้ว ต้องการความเร็วเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยที่มากกว่าสปีดในการเดิน ผู้ขับขี่ควรพยายามขับรถในอัตราความเร็วที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ในขณะเดียวกันระดับความเร็วนั้นก็ควรมากพอที่จะขับขึ้นเนินได้ พึงระลึกไว้เสมอว่าเมื่อขับรถในอัตราความเร็วต่ำกว่าที่กำหนด คุณจะสามารถเร่งความเร็วเพื่อข้ามสิ่งกีดขวางได้ง่ายๆ แต่ถ้าคุณขับรถเร็วเกินไป คุณอาจเผชิญกับความเสี่ยงที่มากกว่าและยากต่อการควบคุม
6. เลือกเส้นทางที่ดีที่สุด
คุณควรสำรวจเส้นทางด้านหน้าและพยายามเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุดในการเดินทาง โดยผู้ขับขี่ควรเลือกเส้นทางที่มั่นใจว่าล้อทั้ง4 ล้อ จะสามารถสัมผัสกับพื้นผิวถนนได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับช่วงล่างของรถ หากเส้นทางด้านหน้าค่อนข้างลึกและแคบ รวมทั้งอาจมีสิ่งกีดขวางที่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยรอบ คุณควรมีผู้ช่วยในขณะเดินทาง เช่น เพื่อนที่สามารถลงจากรถและช่วยบอกทาง เพื่อให้ข้ามสิ่งกีดขวางนั้นไปได้
7. ขับเคลื่อนผ่านแอ่งน้ำด้วยความระมัดระวัง
ก่อนที่จะขับรถข้ามแอ่งน้ำใหญ่ ผู้ขับขี่ควรตระหนักถึงประสิทธิภาพในการลุยน้ำของรถยนต์ เช่น ฟอร์ด
เรนเจอร์ ที่สามารถลุยน้ำที่มีความลึกสูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร โดยช่วงล่างและด้านหน้ารถได้รับการออกแบบให้สามารถกระจายแรงดันจากน้ำได้อย่างดี
เมื่อขับผ่านแอ่งน้ำผู้ขับขี่ควรขับรถอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันการกระเด้งของฝากระโปรงรถ และเมื่อขับเคลื่อนไปแล้ว ก็ควรรักษาระดับความเร็ว และที่สำคัญ ไม่ควรหยุดรถในขณะขับผ่านหลุมลึกเพราะอาจทำให้ชิ้นส่วนของรถยนต์จมน้ำได้
8. โปรดตระหนักไว้ว่า คุณสามารถเลี้ยวรถกลับได้เสมอ
เมื่อไหร่ที่ผู้ขับขี่ไม่มั่นใจในเส้นทางหรือสภาพพื้นผิวถนน คุณก็สามารถจะเลือกเส้นทางอื่น หรือหาทางกลับรถได้ทุกเมื่อ เพราะความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในการผจญภัยแบบออฟโรด
9. บอกเพื่อนหรือญาติของคุณเกี่ยวกับแผนและวันเดินทาง
สิ่งสำคัญอีกอย่าง คือ เพื่อนและคนในครอบครัวของคุณควรจะได้รับทราบถึงแผนการเดินทางและเส้นทางที่คุณจะขับรถไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณกำลังจะเดินทางไปในพื้นที่ที่ไม่สามารถติดต่อได้หรือในที่ที่มีสัญญาณมือถือน้อย อย่าลืมเช็คกับคนในท้องถิ่น หรือแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ในเรื่องสภาพอากาศทั้งก่อนและระหว่างเดินทาง
10. ทำความคุ้นเคยกับข้อกำหนดและกฎหมายของสถานที่ที่คุณจะเดินทางไป
ก่อนออกเดินทาง คุณควรได้ศึกษาถึงข้อกำหนดและกฎหมายต่างๆ รวมทั้งข้อควรระวังเกี่ยวกับประเทศนั้นๆ โดยเฉพาะสถานที่อย่างอุทยานแห่งชาติ การขับรถแบบออฟโรดผ่านทางทะเลทรายบางแห่ง คุณจำเป็นต้องติดธงที่รถ เพื่อให้เพื่อนร่วมผจญภัยแบบออฟโรดคันอื่นในทะเลทรายมองเห็น ซึ่งคุณควรใส่ใจและให้ความสำคัญกับข้อกำหนดเหล่านี้
การขับรถแบบออฟโรด นับเป็นความท้าทายและเปิดโอกาสสู่การเรียนรู้ใหม่ๆ อย่างแท้จริง หากคุณสามารถปฏิบัติตามเคล็ดลับทั้ง 10 ข้อนี้ได้ ฟอร์ดเชื่อว่าคุณจะปลอดภัยและสนุกไปกับการผจญภัยแบบออฟโรดได้ในทุกที่ทั่วโลก