กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลาร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ตั้งจุดคัดกรองผู้เดินทางกลับจากพิธีฮัจย์ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ และท่าอากาศยานนราธิวาส หลังชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่างจำนวนมากเดินทางไปแสวงบุญในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่พบรายงานผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์สอยู่ในขณะนี้
ดร.นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ได้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งปัจจุบันเป็นประเทศที่พบรายงานผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส และในช่วงเดือนกันยายนนี้ เป็นช่วงของการเดินทางกลับ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา ได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และโรงพยาบาลในพื้นที่ ตั้งจุดคัดกรองและเฝ้าระวังโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส ในผู้เดินทางกลับ ระหว่างวันที่ 7-10 กันยายน 2560ณ ท่าอากาศยานนราธิวาส และระหว่างวันที่ 13-22 กันยายน 2560 ณ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ ซึ่งขั้นตอนของการคัดกรองนั้นเจ้าหน้าที่ประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ จะตรวจวัดอุณหภูมิผู้เดินทางโดยใช้เครื่องเทอร์โมสแกน และตรวจร่างกายเบื้องต้น หากพบผู้เดินทางมีอาการไข้ อุณหภูมิร่างกายสูง 38 องซาเซลเซียสขึ้นไป ไอ หอบเหนื่อย จะมีการคัดแยกผู้เดินทางเพื่อตรวจดูอาการอย่างละเอียดและเก็บสารคัดหลั่งเพื่อตรวจหาเชื้อเพิ่มเติม จากนั้นจะนำตัวผู้ที่มีอาการส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจและรักษาต่อไป
นอกจากนี้หน่วยงานสาธารณสุขทุกจังหวัดในพื้นที่ยังจะต้องประสานกับโรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ติดตามเฝ้าระวังโรคในผู้แสวงบุญที่เดินทางกลับมาจากการประกอบพิธีฮัจย์ เป็นประจำทุกสัปดาห์ นาน 14 วัน นับตั้งแต่เดินทางกลับ โดยจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือบุคคลากรทางการแพทย์ลงพื้นที่เพื่อไปพบกับผู้แสวงบุญ ซึ่งหากพบผู้ป่วยสงสัยทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรคติดต่ออื่นๆ เช่น โรคไข้หวัดนก โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น ก็จะได้รายงานเข้าระบบของหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ พร้อมกับให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพแก่ผู้แสวงบุญที่เดินทางกลับมาจากการประกอบพิธีฮัจย์ด้วย
ดร.นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง ปี 2560 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -31 กรกฎาคม 2560 พบผู้ป่วยทั้งหมด 167 ราย จากประเทศซาอุดิอาระเบีย ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศกาตาร์ และสาธารณรัฐเลบานอน เสียชีวิตทั้งสิ้น 48 ราย โรคดังกล่าวเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อระหว่างสัตว์สู่คน สำหรับการแพร่เชื้อระหว่างคนสู่คนสามารถแพร่ผ่านทางเสมหะของผู้ป่วยจากการไอ และมักเกิดจากการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วยโดยมิได้มีการป้องกันตนเอง ซึ่งโรคนี้มีระยะฟักตัวของโรค 14 วัน ดังนั้นในช่วง14 วันหลังเดินทางกลับจากประเทศที่มีความเสี่ยง หากมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอให้หลีกเลี่ยงคลุกคลีกับบุคคลอื่น สวมหน้ากากป้องกันโรค ล้างมือให้สะอาด และรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพร้อมแจ้งประวัติการเดินทางให้ทราบ และหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจตะวันออกกลาง สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422