กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--บลจ.กสิกรไทย
บลจ.กสิกรไทย เปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค อิควิตี้แอบโซลูทรีเทิร์น ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (K-ART) สำหรับกลุ่มลูกค้าไพรเวทแบงค์ ชูนวัตกรรมการวิเคราะห์หลักทรัพย์ผ่าน Big Data และ Machine Learning เพื่อคัดเลือกหุ้นทั่วทวีปอเมริกา มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้เป็นบวกในทุกสภาวะตลาด เปิดเสนอขายครั้งแรก 26 ก.ย. – 4 ต.ค. นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 550,000 บาท
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 26 กันยายน – 4 ตุลาคม 2560 บลจ.กสิกรไทย จะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค อิควิตี้แอบโซลูทรีเทิร์น ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย(K-ART) โดยมีนโยบายเน้นลงทุนผ่านกองทุนหลัก BSF Americas Diversified Equity Absolute Return Fund, Class I2 USD ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนหลักมีนโยบายมุ่งสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวกโดยไม่คำนึงถึงสภาวะตลาด จากการลงทุนผ่านหุ้นหรือตราสารที่อ้างอิงกับหุ้นของบริษัทที่จัดตั้งขึ้นหรือจดทะเบียนในทวีปอเมริกา อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และละตินอเมริกา ทั้งนี้ กองทุนหลักใช้กลยุทธ์ Market Neutral Strategy ผ่านการลงทุนโดยใช้ตราสารอนุพันธ์
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์ Market Neutral Strategy เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่มุ่งลดความเสี่ยงตลาดให้เข้าใกล้ศูนย์ หรือเพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีความสัมพันธ์กับผลตอบแทนของตลาดหุ้นต่ำที่สุด เพื่อมุ่งสร้างผลตอบแทนให้เป็นบวกในทุกสภาวะตลาด โดยจะมีการใช้โปรแกรมจัดการลงทุนเข้ามาช่วยวิเคราะห์หุ้นทั้งในสหรัฐฯ แคนาดา และละตินอเมริกา จากปัจจัยต่างๆ อาทิ พื้นฐานบริษัทหรือมุมมองนักวิเคราะห์ เพื่อดูว่าหุ้นราคาถูกหรือแพงกว่าเมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริง โดยเข้าทำสัญญาซื้อล่วงหน้า (Long) ในหุ้นที่ถูก และเข้าทำสัญญาขายล่วงหน้า (Short) ในหุ้นที่แพง โดยไม่คำนึงถึงสภาวะตลาดหุ้น เศรษฐกิจ และการเมืองในขณะนั้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มสถานะการลงทุนให้สูงกว่ามูลค่าทรัพย์สินของกองทุน (Leverage) เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวังด้วย
"สำหรับตัวโปรแกรมจัดการลงทุนที่กองทุนหลักนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการคัดเลือกหุ้นนี้ จะเป็นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เรียกว่าการวิเคราะห์ Big Data และ Machine Learning มาใช้ในการวิเคราะห์หลักทรัพย์ โดยเทคโนโลยีนี้จะช่วยจัดการกับข้อมูลข่าวสารที่มีปริมาณมาก ซับซ้อน และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อจัดระเบียบ ประมวลผลหรือวิเคราะห์แนวโน้มต่างๆ รวมทั้งยังสามารถพัฒนาตัวเองด้วยการสร้างอัลกอริทึมในการเรียนรู้ พร้อมสร้างรูปแบบเพื่อคาดการณ์ผลลัพธ์ต่างๆ ให้สามารถนำไปประยุทธ์ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การใช้ Big Data วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากโปรแกรมค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตหรือ Search Engine เพื่อหาโอกาสและแนวโน้มการลงทุน เช่น เมื่อพบว่าอัตราการสืบค้นชื่อของสินค้าตัวหนึ่งผ่าน Google มีปริมาณลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ วิเคราะห์ได้ว่าอาจส่งผลต่อยอดขายในอนาคต หรือการใช้ Machine Learning ในการอ่านรายงานผลประกอบการบริษัทต่างๆ ประจำไตรมาสที่มีข้อมูลจำนวนมาก เพื่อวิเคราะห์ Market Sentiment ของธุรกิจ เป็นต้น" นายนาวินกล่าว
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า กองทุน K-ART เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อกระจายเงินลงทุนส่วนหนึ่งไปในสินทรัพย์ทางเลือกรูปแบบใหม่ ให้เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุน โดยมีเป้าหมายการลงทุนเพื่อให้พอร์ตการลงทุนโดยรวมของผู้ลงทุนมีความผันผวนลดลง และสามารถรับความผันผวนของราคาหุ้น รวมถึงความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถลงทุนได้ในระยะยาวตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตามกองทุนดังกล่าวจัดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนหรือมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรสอบถามรายละเอียดจากบุคคลที่เสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติม
สำหรับผู้ที่สนใจกองทุน K-ART ต้องเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 550,000 บาท โดยจะเปิดเสนอขายผ่านฝ่ายธุรกิจบริการไพรเวทแบงค์ ฝ่ายธุรกิจบริหารทรัพย์กลุ่มลูกค้าบุคคลพิเศษ ธนาคารกสิกรไทย บลจ.กสิกรไทย และผู้สนับสนุนการขายอื่นๆ โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บลจ.กสิกรไทย หรือที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุน K-ART ได้ที่ www.kasikornasset.com หรือ บลจ.กสิกรไทย หรือขอข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เสนอขายกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้เนื่องจากกองทุนมิได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจึงอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้