กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--IR network
?"อภิชัย เตชะอุบล" ยิ้มรับรัฐบาลกระตุ้นการลงทุนในพื้นที่ "อีอีซี" หนุนยอดขายนิคมทีเอฟดี 2 ทะลักอานิสงส์ ความสนใจของคณะนักธุรกิจญี่ปุ่นและผู้ประกอบการที่เห็นศักยภาพในทำเลทองที่ดีที่สุดในเส้นทางเศรษฐกิจโซนภาคตะวันออก คาดว่า 841 ไร่ ปิดการขายได้ใน 2 ปี พร้อมเตรียมลุยพัฒนาส่วนขยายอีก2,500 ไร่เพิ่มเติมรองรับความต้องการ ส่วนโครงการมหาดเล็กฯ ที่สะดุดยืนยันไม่ได้รับผลกระทบ ระบุต้นทุนยังไม่เกิด ทำทุกอย่างถูกต้องโปร่งใสและเป็นมิตรกับชุมชน โดยจะมีการอุทธรณ์ตามขั้นตอนต่อไป
นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือTFD กล่าวว่า หลังจากโครงการนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 ทั้งหมดจำนวน 841 ไร่ ได้รับความเห็นชอบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ทำให้สามารถแบ่งโฉนดเพื่อออกขายให้ลูกค้าได้แล้วและอยู่ระหว่างการลงทุนในด้านสาธารณูปโภค ขณะนี้มีผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยและต่างประเทศแสดงความสนใจเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะหลังจากที่ภาครัฐบาลผลักดันนโยบายโครงพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development: EEC) อย่างเป็นรูปธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของไทยเพิ่งเป็นตัวแทนต้อนรับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเมติ (เป็นกระทรวงด้านเศรษฐกิจการค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น) พร้อมพาคณะนักลงทุนญี่ปุ่นกว่า 560 ราย และผู้ประกอบการไทยลงสำรวจพื้นที่ ซึ่งโครงการนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 ก็อยู่ในโซน EEC ด้วย ดังนั้นจึงทำให้ TFD ได้รับผลประโยชน์โดยตรงหากมีการลงทุนเกิดขึ้น
"หลังจากรัฐบาลพานักธุรกิจเยี่ยมชมในพื้นที่จริง ก็มีการติดต่อเข้ามาสอบถามโครงการนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 มากขึ้นกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด จึงคาดว่าจะขายที่ดินได้เร็วกว่าที่คิดไว้ และตอนนี้กำลังเตรียมการที่จะพัฒนาที่ดินส่วนขยายเป็นพื้นที่ราว 2,500 ไร่ เพื่อรองรับความต้องการที่มีมากขึ้น พร้อมกันนี้มั่นใจว่าจะทำให้ผลประกอบการของ TFD มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ"
นอกจากนี้ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จุดเด่นของนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 มีทำเลเชื่อมต่อกับนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 1 โดยตั้งอยู่ที่อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ถือว่าอยู่ในโซนแผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก มีที่ดินขนานกับถนนมอร์เตอร์เวย์ 4 กิโลเมตรเป็นพื้นที่ยาวหน้ากว้างติดถนนใหญ่ ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ และท่าเรือแหลมฉบัง โดยมูลค่าโครงการทั้งสิ้นอยู่ที่ราว 7 พันล้านบาท
สำหรับกรณีปัญหาโครงการมหาดเล็ก เรสซิเดนท์ ซอยมหาดเล็กหลวง 2 ที่สะดุดนั้น บริษัทฯ จะร่วมกับสำนักงานพระคลังข้างที่ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 30 วันตามขั้นตอนทางกฎหมาย ทั้งนี้ยืนยันว่าบริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนดังกล่าวเพราะเพิ่งดำเนินการไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ใดๆ ทั้งสิ้น