กรุงเทพฯ--27 ก.ย.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
โดยพิมพ์ปวีณ์ นพกิจกำจร ผู้อำนวยการ - Expedia Lodging Partner Services, ประเทศไทย
โรงแรมมักจะมองหาหนทางใหม่ๆ ในการเพิ่มยอดจองที่พัก และการเสนอแพ็คเกจก็เป็นเครื่องมืออันยอดเยี่ยมที่จะช่วยส่งเสริมให้มีการจองเพิ่มมากขึ้น แพ็คเกจหรือข้อเสนอแบบรวมที่พัก ตั๋วเครื่องบิน และ/หรือบริการจองรถนั้นสามารถสร้างประโยชน์ให้กับโรงแรมรวมทั้งลูกค้าได้เป็นอย่างมาก แต่โรงแรมยังคงขาดข้อมูลในเชิงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับวิธีการบริหารจัดการความต้องการอย่างมีชั้นเชิงในด้านนี้
ดังนั้น เพื่อให้โรงแรมมีข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ประโยชน์ได้ เครือเอ็กซ์พีเดียจึงทำการศึกษาข้อมูลการเดินทางของนักท่องเที่ยวขาเข้าซึ่งเก็บรวบรวมตลอดปี 2559[1] โดยทำการเปรียบเทียบการจองแบบแพ็คเกจกับการจองห้องพักโรงแรมเพียงอย่างเดียวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทย แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร ผลลัพธ์ก็คือเราพบข้อมูลที่เป็นประโยชน์และช่องทางที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ประกอบการโรงแรม การจองแบบแพ็คเกจเป็นวิธีการที่จะช่วยเพิ่มรายรับอย่างยอดเยี่ยม ทำให้ช่วงเวลาการจองยาวนานขึ้น และลดการยกเลิกการจองให้เหลือน้อยที่สุด
นักท่องเที่ยวที่จองแบบแพ็คเกจมีแนวโน้มที่จะเดินทางไปหลากหลายที่และ/หรือใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
ในอดีต ผู้ที่นิยมจองแพ็คเกจมักเป็นผู้ที่มองหาดีลท่องเที่ยวราคาพิเศษเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวที่นิยมความหรูหราหรือท่องเที่ยวในงบประมาณที่จำกัด ต่างค้นหาการจองแบบแพ็คเกจซึ่งไม่เพียงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังประหยัดเวลาอีกด้วย OTA ที่มีข้อเสนอแพ็คเกจจะเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวสามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพในที่เดียว ซึ่งต่างไปจากเว็บไซต์ที่ให้บริการเฉพาะซัพพลายเออร์เดียวเท่านั้น OTA อย่างเอ็กซ์พีเดียช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเปรียบเทียบการเลือกซื้อในหมวดหมู่เดียวกันได้ (ตั๋วเครื่องบิน โรงแรม หรือรถเช่า) จึงช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลาเพราะบริการทั้งหมดรวมอยู่ในที่เดียวแล้ว
ตามรายงานประจำปี 2559 ของ Phocuswright เรื่อง Destination Unknown: How U.S. & European Travelers Decide Where to Go (จุดหมายที่ไม่รู้จัก: นักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกาและยุโรปตัดสินใจเลือกสถานที่ไปเยือนอย่างไร) พบว่านักท่องเที่ยวที่จองทริปซึ่งมีความซับซ้อน อย่างเช่น การจองแพ็คเกจ มีแนวโน้มจะเดินทางไปหลากหลายที่มากกว่าและ/หรือใช้จ่ายมากกว่าผู้ที่ซื้อแต่เฉพาะเที่ยวบิน โรงแรม หรือบริการอื่นๆ เพียงอย่างเดียว
แพ็คเกจช่วยเพิ่มรายรับโดยรวมแล้ว ราคาเฉลี่ยต่อวัน (ADR) ของการเข้าพักแบบแพ็คเกจมักจะสูงกว่าการเข้าพักเพียงอย่างเดียวในระดับเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 5 ตามเกณฑ์การวัดผลดำเนินการโดยทั่วไปสำหรับโรงแรม แพ็คเกจจึงเป็นตัวเพิ่มรายได้ที่สำคัญสำหรับโรงแรม และเป็นแรงจูงใจให้มีการจองโรงแรมไว้ในข้อเสนอแบบแพ็คเกจ ยกตัวอย่างเช่น ความต้องการจองแบบแพ็คเกจเพิ่มขึ้นอย่างมากสำหรับที่พักระดับ 4-5 ดาวในภูเก็ตและเกาะสมุย เมื่อเปรียบเทียบกับการจองห้องพักโรงแรมเพียงอย่างเดียวสำหรับจุดหมายปลายทางที่มีชายหาด
แพ็คเกจเปรียบเทียบกับการเข้าพักที่ยาวนานขึ้นและช่วงเวลาการจองที่นานขึ้นตามปกติแล้ว การจองแบบแพ็คเกจมักจะมีระยะเวลาการเข้าพักนานกว่าการจองโรงแรมเพียงอย่างเดียวเกือบสองเท่า จึงเป็นช่องทางการเพิ่มรายได้ที่น่าสนใจสำหรับโรงแรมพาร์ทเนอร์ ดังที่แสดงในรูปที่ 1 สำหรับตลาดการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ของไทยและจุดหมายปลายทางที่เป็นรีสอร์ท การจองแบบแพ็คเกจมีระยะเวลาการเข้าพักที่ยาวนานกว่าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบกับการจองห้องพักโรงแรมเพียงอย่างเดียว
การจองแบบแพ็คเกจของเอ็กซ์พีเดียสำหรับการเดินทางมาไทยนั้นมีช่วงเวลาการจองยาวนานกว่าเกือบสองเท่า (60 วัน) เมื่อเปรียบเทียบกับการจองที่พักโรงแรมเพียงอย่างเดียว (35 วัน) แม้ว่ากรุงเทพฯ และพัทยาจะมีช่วงเวลาการจองแบบแพ็คเกจที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งโดยเฉลี่ยเท่ากับ 55 วัน แต่จุดหมายปลายทางที่เป็นรีสอร์ทอย่างภูเก็ตและเกาะสมุยจะมีช่วงเวลาการจองที่ยาวนานกว่า นั่นคือ 65 วัน
ระยะเวลาการเข้าพักโดยเฉลี่ย
สำหรับผู้ประกอบการโรงแรม ระยะเวลาการเข้าพักและช่วงเวลาการจองที่ยาวนานขึ้น ย่อมหมายถึงโอกาสที่มากขึ้นในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าและการอัพเซล ทั้งในช่วงก่อนเช็คอินและระหว่างการเข้าพัก
การยกเลิกน้อยลง โดยทั่วไปแล้ว การจองโรงแรมมักมีการรวมกับเที่ยวบินแบบไม่สามารถคืนเงินได้ การจองแบบแพ็คเกจจึงมีอัตราการยกเลิกเพียงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับการจองโรงแรมเพียงอย่างเดียว สิ่งนี้มีความสำคัญต่อผู้ประกอบการโรงแรมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อลูกค้าจ่ายค่าคุ้มครองการเดินทาง [ประกันภัยการเดินทาง] หรืออาจจองการเข้าพักโรงแรมอย่างเดียวแบบไม่สามารถคืนเงินได้ต่างหากเพื่อให้ได้รับอัตราราคาที่ดีที่สุด
จะเห็นได้ชัดว่า จุดหมายปลายทางที่มีอัตราการยกเลิกต่ำที่สุดสำหรับแพ็คเกจ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ซึ่งต่ำกว่าร้อยละ 5 และเกาะสมุยในระดับน้อยกว่าร้อยละ 5 เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ตลาดที่คึกคักอย่างพัทยา มีอัตราการยกเลิกแพ็คเกจที่สูงกว่าเล็กน้อยมากกว่าร้อยละ 5
โรงแรมจะสามารถนำเสนอแพ็คเกจของพวกเขาอย่างชาญฉลาดมากขึ้นได้อย่างไร
เอ็กซ์พีเดียได้ทำการศึกษาข้อมูลแบบเจาะลึกยิ่งขึ้นเพื่อค้นหาเคล็ดลับและช่องทางต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์สำหรับโรงแรม
1.เข้าใจและเปิดรับการรวมแพ็คเกจกับตั๋วเครื่องบิน
เมื่อราคาตั๋วโดยสารเครื่องบินลดลง ควรพิจารณาใช้กลยุทธ์ข้อเสนอแบบแพ็คเกจ เนื่องจากผู้ประกอบการโรงแรมจะสามารถนำเสนอแพ็คเกจราคาประหยัดที่น่าดึงดูดใจมากขึ้นได้จากการรวมที่พักและตั๋วโดยสารเครื่องบินเข้าด้วยกัน (เปรียบเทียบราคาโดยเฉลี่ยในช่วงมากกว่า 91 วันก่อนการเข้าพัก กับการจองที่ดำเนินการเพียงแค่สัปดาห์ก่อนการเดินทาง)[2]
แนวโน้มนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการโรงแรมควรใส่ราคาแพ็คเกจเข้าในระบบอย่างน้อยล่วงหน้าสามเดือน เพื่อใช้ประโยชน์จากราคาเที่ยวบินที่ต่ำที่สุด มอบความคุ้มค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า และเพื่อหลีกเลี่ยงการลดราคาซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงดีลนาทีสุดท้าย
2.รู้ว่าใครเป็นคนจองและดูว่าเหมาะกับกลยุทธ์การขายของคุณอย่างไร
หากมองในระดับนานาชาติ นักท่องเที่ยวขาเข้าที่ช่วยกระตุ้นยอดจองแบบแพ็คเกจในประเทศไทยมากที่สุด คือ นักท่องเที่ยวจากฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ตามด้วยสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ในบรรดาประเทศเหล่านี้ นักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียและมาเลเซียมีช่วงเวลาการจองที่ยาวนานที่สุด โดยเฉลี่ยแล้วเท่ากับ 72 วัน และ 63 วันตามลำดับ ผู้ประกอบการโรงแรมของไทยที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้าพักยาวนานที่สุด ควรให้ความสำคัญกับการผลักดันแพ็คเกจให้กับลูกค้าของเอ็กซ์พีเดียจากออสเตรเลีย เนื่องจากระยะเวลาการเข้าพักโดยเฉลี่ยของพวกเขาอยู่ที่ประมาณ 8 วันต่อทริป หากต้องการสร้างฐานลูกค้าที่มีอัตราการยกเลิกการจองต่ำ ผู้ประกอบการโรงแรมไทยควรมุ่งเน้นที่นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย ฮ่องกง และสิงคโปร์ เพราะตามปกติแล้ว นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีอัตราการยกเลิกต่ำกว่าร้อยละ 5 ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราการยกเลิกโรงแรมของไทยอย่างมาก
3.แขกผู้เข้าพักและใช้บริการโรงแรมเต็มรูปแบบมีส่วนร่วมในการช่วยยกระดับทางธุรกิจ
เนื่องจากการจองแพ็คเกจตามปกติมักมีการชำระเงินล่วงหน้า ลูกค้าจึงมีงบประมาณสำหรับใช้จ่าย ณ ที่พักเพิ่มขึ้น เช่น ที่ร้านอาหาร บาร์ สปา หรือในการทำกิจกรรมต่างๆ ผู้ประกอบการโรงแรมของไทยจะทราบดีว่า แขกผู้เข้าพักและใช้บริการโรงแรมเต็มรูปแบบสูงนั้นจะช่วยเพิ่มผลกำไรให้โรงแรม ยกตัวอย่างเช่น จากการศึกษาของ แกลลอปในสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่า แขกผู้เข้าพักและใช้บริการโรงแรมเต็มรูปแบบมีการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยแล้ว 588 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 20,060 บาท) ต่อการเข้าพัก เมื่อเที่ยบกับผู้เข้าพักทั่วไปที่ 457 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 15,590 บาท) และ 403 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 13,750 บาท) สำหรับแขกที่ใช้บริการห้องพักเพียงอย่างเดียวต่อการเข้าพักหนึ่งครั้ง[3] ดังนั้นการทำให้ผู้เข้าพักรู้สึกมีส่วนร่วมกับโรงแรมตั้งแต่เวลาที่พวกเขายืนยันการเข้าพักจะเป็นประโยชน์ต่อโรงแรมอย่างไม่ต้องสงสัย
แอปพลิเคชัน เอ็กซ์พีเดีย พาร์ทเนอร์ เซ็นทรัล ซึ่งเป็นเว็บไซต์แบบบริการตนเองของเอ็กซ์พีเดีย มีเครื่องมือสำหรับให้โรงแรมพาร์ทเนอร์ติดต่อกับลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลา ยกตัวอย่างเช่น การพูดคุยผ่าน EPC เป็นเครื่องมือช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าก่อนเดินทางมาถึง ช่วยให้ผู้ประกอบการโรงแรมได้สร้างความประทับใจแรก และตั้งระดับความคาดหวังให้ลูกค้าด้วยข้อความต้อนรับแบบปรับแต่งเฉพาะบุคคล ตลอดจนช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดี จัดการตามความต้องการของแขกผู้เข้าพัก และให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริการของโรงแรม (สปา คอนเซียร์จ ร้านอาหาร เป็นต้น)
4.การสนับสนุนจาก Expedia Market Manager
เครือเอ็กซ์พีเดียมีกำลังสนับสนุนจาก Market Manager ที่เข้าใจถึงความซับซ้อนของตลาดทั่วทั้งประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน กระบี่ ภูเก็ต และเกาะสมุย ทีมในพื้นที่ทำงานร่วมกับโรงแรมพาร์ทเนอร์ทุกวัน และจะคอยให้คำแนะนำเฉพาะ เพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์แต่ละรายสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ในช่วงฤดูท่องเที่ยว และกิจกรรมต่างๆ ไปจนถึงแคมเปญและโปรโมชันที่หลากหลายสำหรับโรงแรมพาร์ทเนอร์ ผู้ประกอบการโรงแรมแต่ละรายยังสามารถเพิ่มตัวเลือกแพ็คเกจที่มีข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจ และตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของนักท่องเที่ยวที่เป็นเป้าหมายของพวกเขาได้อีกด้วย
สนใจจัดแพ็คเกจดีลที่ยอดเยี่ยมสำหรับลูกค้าของคุณใช่ไหม ติดต่อ Market Manager ในท้องถิ่นของคุณ หรือเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับเอ็กซ์พีเดีย ที่นี่
[1] ที่มาจากข้อมูลความต้องการจองแบบแพ็คเกจตลอดปี 2559 ของเครือเอ็กซ์พีเดีย
[2] ที่มาจากราคาตั๋วโดยเฉลี่ยสำหรับการออกเดินทางด้วยเที่ยวบิน L12M เมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ 1 ของปี 2560
[3] Gallup, 'Engage Your Hotel Guests by Taking Care of Their Well-Being' พฤศจิกายน 2557