กรุงเทพฯ--28 ก.ย.--จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก
ปีพุทธศักราช 2560 เป็นปีที่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์ จะครบรอบปีที่ 25 จากที่เริ่มก่อตั้งในปี 2535 จวบจนปัจจุบัน อีสท์ วอเตอร์ ยังคงมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะดำเนินภารกิจเพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่มุ่งหวังให้ประเทศไทยมีความมั่นคงและรักษาเสถียรภาพด้านแหล่งน้ำมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมไปกับการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม
ย้อนเวลากลับไปกว่า 2 ทศวรรษ อีสท์ วอเตอร์ ได้ผ่านเหตุการณ์สำคัญและประสบการณ์ต่างๆ มากมายจากการบริหารจัดการน้ำในภาคตะวันออก มีทั้งความภาคภูมิใจ ความประทับใจ และบทเรียนสำคัญๆ ร่วมกันกับชุมชนในพื้นที่ กรมชลประทาน และผู้ใช้น้ำ ที่ช่วยหล่อหลอมพัฒนาให้ อีสท์ วอเตอร์ เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืนและเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำครบวงจรอย่างทุกวันนี้
เหตุการณ์หนึ่งที่ทุกคนคงไม่มีวันลืม คือวิกฤตภัยแล้งเมื่อปี 2548 "น้ำ" ในอ่างเก็บน้ำทุกแห่งเหือดแห้ง ชาวบ้านไม่มีน้ำดื่มน้ำกิน อุตสาหกรรมต้องลดการใช้น้ำ ผลผลิตจากภาคการเกษตรตกต่ำ ทุกภาคส่วนต้องทำงานประสานกันเพื่อประคองให้เศรษฐกิจของประเทศไปรอด เหตุการณ์ในครั้งนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของการบริหารจัดการน้ำของประเทศ ซึ่งรวมถึงการวางรากฐานการบริหารจัดการน้ำในภาคตะวันออกของอีสท์ วอเตอร์ ได้อย่างแข็งแกร่ง นั่นคือ การพัฒนาโครงข่ายท่อส่งน้ำให้เชื่อมโยงแหล่งน้ำหลักใน 3 จังหวัดภาคตะวันออกเข้าด้วยกัน การดำเนินธุรกิจที่อยู่บนพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันกับชุมชน และการดูแลพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งป่าต้นน้ำ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับชุมชน และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ
การเดินทางในหลายปีที่ผ่านมา อีสท์ วอเตอร์ ได้เรียนรู้และตอบรับต่อความท้าทายต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียให้ดีที่สุด "อีสท์ วอเตอร์ ได้ค้นพบว่าการดำเนินธุรกิจของเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแลให้ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ต้นทางของน้ำไปจนถึงปลายน้ำ โดยชุมชนที่อยู่ตลอดแนวโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบความยาวกว่า 491.8 กม. ของเราต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีน้ำกินน้ำใช้อย่างเพียงพอและได้มาตรฐาน ดังนั้นในโอกาสที่อีสท์ วอเตอร์ จะครบ 25 ปีเต็มในเดือนตุลาคมนี้ จึงเตรียมเดินหน้าสร้างชุมชนต้นแบบตลอดเส้นทางการลำเลียงน้ำ ด้วย 3 โครงการต้นแบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ภายใต้โครงการ 25th East Water…Steps of Growth" คุณจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อีสท์ วอเตอร์ คนปัจจุบันกล่าว
จากพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ว่า "พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า" สะท้อนถึงความสำคัญของ น้ำ กับ ป่า ที่ต้องพึ่งพาและผูกพันกัน อีสท์ วอเตอร์ จึงได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระองค์ท่านสู่การปฏิบัติในโครงการชุมชนต้นแบบ "สร้างป่าชุมชน สร้างชีวิตอย่างยั่งยืน" ด้วยความร่วมมือของภาคีเครือข่ายป่าชุมชนรอยต่อ ๕ จังหวัดภาคตะวันออก เพื่อดูแลรักษาและฟื้นฟูป่าอันเป็นต้นน้ำสำคัญของภาคตะวันออก พร้อมสร้างคุณค่าร่วมต่อวิถีชีวิต สังคม วัฒนธรรม ประเพณี ของชุมชนกับป่าอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีพื้นที่นำร่อง ได้แก่ พื้นที่ป่าชุมชนบ้านสามพราน อ.คลองตะเกรา จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 32 ไร่ และพื้นที่ป่าชุมชนบ้านหนองม่วง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง จำนวน 70 ไร่ ทั้งสองพื้นที่ถือเป็นป่าต้นน้ำของอ่างเก็บน้ำคลองสียัดและอ่างเก็บน้ำประแสร์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดฉะเชิงเทรา และระยองตามลำดับ
อีก 1 โครงการชุมชนต้นแบบ "ประปาชุมชน สร้างคน สร้างสุข" เป็นโครงการเพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงน้ำสะอาดของชุมชนตามแนวประชารัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการขับเคลื่อนประเทศให้เข้มแข็งและมั่นคงของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยจับมือกับ การประปานครหลวง (กปน.) ฝึกอบรมทักษะหลักสูตร "การควบคุมการผลิตและบำรุงรักษาระบบประปาชุมชน" ให้กับ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกจำนวน 9 แห่ง ผ่านโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fixed it Center) เพื่อเป็นศูนย์กลางดูแลและบำรุงรักษาระบบประปาตามชุมชนต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพและยั่งยืนในอนาคต
เมื่อ "น้ำ" เดินทางมาจนถึงปลายทาง ปัญหาสำคัญก็คือ คุณภาพน้ำเริ่มเสื่อมโทรม โครงการ "รักษ์น้ำ รักษ์สิ่งแวดล้อม" เป็นอีกหนึ่งโครงการต้นแบบที่จะช่วยเปลี่ยนน้ำเสียเป็นน้ำใส ด้วยการสร้างจิตสำนึกในการดูแลรักษาสภาพแหล่งน้ำ สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังและตรวจวัดคุณภาพน้ำในชุมชน สร้างระบบดักไขมันหรือน้ำเสียในครัวเรือนก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ สร้างระบบหมุนเวียนน้ำด้วยอากาศตามหลักการของโครงการพระราชดำริ กังหันชัยพัฒนา เป็นต้น
ก้าวต่อไปในอนาคต อีสท์ วอเตอร์ มองเห็นทั้งความท้าทายและโอกาสที่รอคอยอยู่ การก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของประเทศไทย (AEC) และนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมแห่งอนาคต "โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของรัฐบาล ทำให้อีสท์ วอเตอร์ ต้องพัฒนาและปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยตั้งเป้าเป็น "ผู้นำในการบริหารจัดการน้ำครบวงจรของประเทศ" เพื่อสร้างความเข้มแข็งและมั่นคงของระบบสาธารณูปโภคด้านน้ำให้กับประเทศในอนาคต ในขณะเดียวกันยังคงสานต่อพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในการอนุรักษ์ป่าไม้ และทรัพยากรน้ำ ควบคู่กันไป ... 25th East Water Steps of Growth การพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อการเติบโตสู่ความยั่งยืน