กรุงเทพฯ--28 ก.ย.--เจพี วัน คอนซัลแทนท์
กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินหน้าพัฒนาบุคลากร ปรับแนวทางการดำเนินงานรองรับการทำงานแห่งอนาคตตามแผนนโยบาย Thailand 4.0 ที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ที่จะส่งผลต่อหน่วยงาน โดยวางแผนระยะสั้น ระยะยาว ภายใต้หัวข้อ Work Hard & Work Smart เพื่อประสิทธิภาพการทำงานในปัจจุบันสู่การพัฒนาในอนาคต มุ่งเน้นการพัฒนาด้านความสามารถรองรับแผนงานประจำปี 2561 การบริหารจัดการ และเข้าถึงคนพิการ กลุ่มเป้าหมายของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต
นายสมชาย เจริญอำนวยสุข อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กล่าวว่า การประชุมสัมมนาปฏิบัติการการเดินหน้าพัฒนาด้านบุคลากร พร้อมติดตามผลการดำเนินงานสำนักงานเลขานุการกรม ประจำปี 2560 ถือเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนปฏิบัติงานเพิ่มประสิทธิภาพ สนองต่อแผนการเดินหน้าของประเทศตามแนวทางนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งหน่วยงานคือกลไกในการปฏิบัติหน้าที่ขับเคลื่อนส่วนงานต่างๆ โดยเฉพาะสำนักงานเลขานุการกรม ต้องมีการเชื่อมโยงส่วนงาน สำนักงาน กลุ่มงาน กองงานต่างๆ ทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ให้เดินหน้า ขับเคลื่อนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การประชุมสัมมนาครั้งนี้ ยังได้เป็นการกำหนดทิศทาง แผนงานประจำปี 2561 ทบทวนการดำเนินงาน แผนปฏิบัติงานในปี 2560 ที่ผ่านมา เพื่อร่วมวางแผนการดำเนินงาน ภารกิจของสำนักงานเลขานุการกรม ประจำปี 2561 ต่อไป
นายสมชาย กล่าวอีกว่า อีกหนึ่งภารกิจในการพัฒนาสำนักงานเลขานุกรม ต้องมีวางแผนงานที่ดี มีการกำหนดทิศทางการดำเนิน วางแผนปฏิบัติงาน ขับเคลื่อนด้านบุคลากรอันเป็นทรัพยากรสำคัญในการเดินหน้าปฏิบัติงาน ให้บรรลุเป้าหมาย ส่งผลต่อแผนปฏิบัติที่มีศักยภาพ ส่งผลต่อภาพรวมของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตคนพิการ ประชาชน และสังคมเป็นสำคัญ
"บุคลากรถือเป็นเครื่องมือ กลไกสำคัญในการทำงาน ความมุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงาน มองผลลัพธ์ของผลงานที่ออกมา คือ การวางแผนงาน เป้าหมายของการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อคุณภาพของงาน ซึ่งการทำงานต้องมีกระบวนการ การตรวจสอบ ขั้นตอนที่มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ และที่สำคัญบุคลากรต้องมีสุขภาพจิตดีความสุขในการทำงาน ซึ่งภาพรวมสัดส่วน Work Hard และ Work Smart ต้องมีความสัมพันธ์กัน เพื่อประสิทธิภาพของงานที่ออกมาอย่างมีคุณภาพ โดยการทำงานในลักษณะ Work Hard ซึ่งต้องมองขั้นตอนของ Work Hard ดังนี้
ว่างมากเกินไป : ไม่รู้จะไปไหน ไม่รู้จะทำอะไรดี อยู่ออฟฟิตทำงานดีกว่า
ไม่ยอมปล่อยวาง : คิดแต่ว่าจะทำงานให้เสร็จ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องทำอะไร
ขาดสมาธิ : การขาดสมาธิในการทำงาน อาจจะทำให้ต้องเสียเวลาในการทำงานเพิ่มมากขึ้น
บริหารเวลาไม่เป็น : มาทำงานเช้ากลับบ้านดึก สาเหตุด้วยการจัดระบบความสำคัญของงานที่ไม่ถูกต้อง
ปริมาณงานมีมากเกินไป : หน้าที่รับผิดชอบมากเกินขอบเขตการรับผิดชอบ เรียกว่า Work Load
สำหรับบุคลากรที่ทำงานแบบ Work Hard จะสำคัญในการทำงาน ผลงานเป็นหลัก ไม่ใส่ใจคนรอบตัว มุ่งที่ทำงานเป้าหมายความสำเร็จ ไม่ค่อยให้เวลากับครอบครัว หรือ คนรอบตัว"
นายสมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า การอบรมให้ความรู้ในครั้งนี้ ต้องการเพิ่มพูลให้บุคลากรของกรมฯ ปรับสัดส่วนการพัฒนาการทำงาน และเกิดการบริหารจัดการที่ดี ทั้งการทำงานและ Life Style ส่วนตัวของแต่ละบุคคล ซึ่งต้องนำส่วนของ การทำงานในลักษณะ Work Smart มาปรับใช้ ดังนี้
S = Smile: ยิ้มรับกับทุกปัญหาที่เข้ามา เพราะทุกปัญหามีทางแก้เสมอ
M = Manage: ทำงานอย่างชาญฉลาดรู้จักบริหารเวลาให้เป็น
A = Analyze: รู้จักวิเคราะห์ แยกแยะงานที่ได้รับมอบหมาย เพื่อจะไม่ให้เสียเวลาในการทำงาน
R = Recognize: รู้ศักยภาพความสามารถในการทำงานของตนเอง ตระหนักถึงการบริหารงานที่ได้รับมอบหมาย
T = Train: ทำงานกันเป็นทีมฝึกให้เพื่อนในกลุ่มมีทักษะที่หลากหลาย หากมีใครคนนึงหายไป
โดยการทำงานแบบ Work Smart ไม่จำเป็นต้องทำงานแบบไม่ลืมหูลืมตา เพียงแต่เป็นกลุ่มคนที่ทำงานอย่างชาญฉลาด รู้จักการบริหารงานในส่วนต่าง ดังนั้น Hard และ Smart คือการทำงานให้มีความเก่งและพร้อมกับทุกหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย มีความรับผิดชอบ ทำงานเป็นทีมให้ความสำคัญในเพื่อนร่วมงาน มีความคิด มีการวางแผนงาน และเป้าหมายที่ชัดเจน และให้ความสำคัญแบ่งเวลาในการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง