กรุงเทพฯ--29 ก.ย.--ExtravaganzaPR
หลังมีนักเรียนประถมศึกษาร่วมกิจกรรมแล้วกว่า 2 ล้านคนทั่วประเทศ สานต่อในปีที่ 15 กับกิจกรรม การสร้างแรงบันดาลใจในการอ่าน ชวนเด็กประถมศึกษาอ่านหนังสือแลกพิซซ่า ตั้งเป้า 609 โรงเรียน ทั่วประเทศ พร้อมการโรดโชว์ 4 ภาค เชิญคุณครูร่วมเวิร์คช็อป เสวนา แลกเปลี่ยนแนวคิดการส่งเสริมการอ่าน เสริมทัพกิจกรรมในปีนี้ ทั้งการคัดเลือกครูต้นแบบในด้านส่งเสริมรักการอ่าน รวมถึงคัดเลือก 140 โรงเรียนส่งเสริมรักการอ่านดีเด่นระดับประถม เพื่อมอบตู้หนังสือและหนังสือที่เหมาะสมกับเด็กชั้นประถมศึกษาให้กับโรงเรียน เพื่อให้เด็ก ๆ มีหนังสือดีอ่านเพิ่มมากขึ้น ส่งเสริมให้เด็กไทยรักการอ่านอย่างยั่งยืน พัฒนาสู่การเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของชุมชน และประเทศชาติ
เดอะ พิซซ่า คอมปะนี จัดงานแถลงข่าวกลุ่มย่อย ประเด็นความสำเร็จและรายละเอียดของ "โครงการส่งเสริมรักการอ่าน เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ชวนน้องอ่าน ปีที่ 15" พร้อมความร่วมมือจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมการรักการอ่านในเด็กไทยอย่างยั่งยืน ภายในงานได้รับเกียรติจาก คุณพิมพ์รวี วัฒนวรางกูร อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม, มร. จอห์น ไฮเน็ค ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป – กลุ่มธุรกิจฮอทเชน, คุณสุภัทร์ ไพรสานฑ์กุล ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายการตลาดทั้งในและต่างประเทศ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เป็นผู้ให้ข้อมูล พร้อมด้วยตัวแทนคุณครูที่เข้าร่วมโครงการฯ คุณครูนัยน์ปพร พญาชน และตัวแทนน้อง ๆ นักเรียนจากโรงเรียนวัดยกกระบัตร (ชุบราษฎร์นุสรณ์) จ.สมุทรสาคร ร่วมเล่าถึงประสบการณ์จากโครงการฯ
มร. จอห์น ไฮเน็ค ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป – กลุ่มธุรกิจฮอทเชน กล่าวว่า "โครงการส่งเสริมรักการอ่าน เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ชวนน้องอ่าน" เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ตามหนึ่งในกลยุทธ์การพัฒนาเพื่อความยั่งยืนของไมเนอร์ นั้นคือ การมุ่งมั่นพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยการมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรทั้งภายในและภายนอกบริษัทฯ รวมถึงการส่งเสริมให้บุคลากรเกิดจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงเห็นความสำคัญของการปลูกฝังให้เยาวชนไทยในเรื่องของการรักการอ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มเด็ก ๆ ที่เป็นช่วงสำคัญในการพัฒนาการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาสู่การเป็นรากฐานที่สำคัญการเติบโตเป็นคนคุณภาพที่มีบทบาทในการพัฒนาชุมชนของตัวเอง สร้างสังคมที่เข้มแข็งได้ในอนาคต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทรัพยากรบุคคลได้อย่างยั่งยืน
"โครงการนี้เป็นโครงการที่เราได้สานต่อมาอย่างต่อเนื่อง เข้าสู่ปีที่ 15 และถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจาก สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เป็นปีแรก ที่เข้ามาร่วมให้การสนับสนุน เพื่อร่วมกันพัฒนาทักษะ และความรู้ของเด็กไทยอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปีนี้มีการตั้งเป้าผลักดันส่งเสริมการรักการอ่านให้ครอบคลุมโรงเรียนทั้งหมด 609 แห่งทั่วประเทศ ใน 62 จังหวัด และในส่วนการจัดกิจกรรมโรดโชว์ เพื่อเรียนเชิญคุณครูในแต่ละภูมิภาคมาร่วมการเวิร์คช็อป เสวนา ร่วมแบ่งปันความคิดเห็น พัฒนาแนวทางในการกระตุ้นส่งเสริมให้เด็กรักการอ่าน ซึ่งคาดว่าจะมีคุณครูร่วมกิจกรรมในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 200 คน"
คุณสุภัทร์ ไพรสานฑ์กุล ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายการตลาดทั้งในและต่างประเทศ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีที่ 15 นี้ ยังประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกิจกรรม ชวนน้อง ๆ นักเรียนระดับประถมศึกษาอ่านหนังสือเพื่อแลกพิซซ่า ที่เป็นแกนกิจกรรมสำคัญของโครงการฯ และกิจกรรมการโรดโชว์ ไปตามภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อเชิญคุณครู มาร่วมการเวิร์คช็อป สร้างแรงบันดาลใจ พร้อมการเสวนาแลกเปลี่ยนแบ่งปันความคิดเห็น เพื่อพัฒนากระบวนการหรือแนวทางในการกระตุ้นหรือส่งเสริมให้เด็กรักการอ่าน ที่ในปีนี้ จะจัดขึ้น จำนวน 4 ครั้ง ในกรุงเทพมหานคร ขอนแก่น เชียงใหม่ และหาดใหญ่ จ.สงขลา
"นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นมาในปีนี้ ได้แก่การคัดเลือกครูต้นแบบในด้านส่งเสริมรักการอ่าน โดยคุณครูที่ร่วมกิจกรรมจะทำการนำเสนอโปรเจ็คท์ส่งเสริมรักการอ่านเข้ามาเพื่อร่วมการตัดสิน ซึ่งกิจกรรมนี้มุ่งหวังให้เป็นการยกย่องเชิดชูครู ให้เกิดความภูมิใจในวิชาชีพ รวมถึงร่วมพัฒนาศักยภาพ เพิ่มพูนทักษะความรู้ เพื่อนำไปพัฒนาประยุกต์ใช้ในกระบวนการส่งเสริมการอ่านในโรงเรียนของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนั้นยังมีกิจกรรมการคัดเลือกโรงเรียนที่มีนักเรียนเข้าร่วมการอ่านหนังสือในโครงการฯ มากที่สุด 140 แห่ง ให้เป็นโรงเรียนส่งเสริมรักการอ่าน เพื่อมอบตู้หนังสือให้กับโรงเรียนดังกล่าว ส่งเสริมให้เด็กไทยรักการอ่านอย่างยั่งยืน"
ด้าน คุณพิมพ์รวี วัฒนวรางกูร อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เผยว่ากรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพประชากรผ่านการอ่านและการเรียนรู้ในการส่งเสริมให้ประชาชนรักการอ่าน แสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่องและเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ โดยปลูกฝังผ่านมิติทางวัฒนธรรม โดยมีแนวทางการส่งเสริมการอ่านที่สำคัญ อาทิ ส่งเสริมการปลูกสร้างพฤติกรรมรักการอ่านที่เข้มแข็งให้กับคนทุกช่วงวัย ส่งเสริมการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงสื่อการอ่านของประชาชน ซึ่งหากดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว จะสามารถบรรลุวิสัยทัศน์ที่คนทุกวัยในสังคมไทยมีวัฒนธรรมการอ่านที่เข้มแข็ง โดยคนไทยจะใช้เวลากับการอ่านที่มีคุณภาพมากขึ้นเฉลี่ย 90 นาทีต่อวัน
"ทั้งนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมคงไม่สามารถขับเคลื่อนแผนแม่บทฯ ให้สำเร็จได้เพียงลำพัง จำเป็นต้องร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อไปสู่จุดหมายเดียวกัน ซึ่งเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ให้ความสำคัญของการปลูกฝังให้เยาวชนไทยรักการอ่านมาอย่างต่อเนื่อง โดยจัดโครงการ "เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ชวนน้องอ่าน" มาเป็นเวลานาน ถึง 15 ปี และก็ได้รับการตอบรับที่ดี มีเยาวชนรักการอ่านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากโครงการนี้ อีกทั้งโครงการฯ ยังสอดคล้องกับแผนแม่บทส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ของไทย พ.ศ. 2560-2564 ที่กรมฯ กำลังดำเนินการอยู่"
สำหรับความร่วมมือและการสนับสนุนโครงการในครั้งนี้ กรมฯ ได้มอบหมายให้ใช้ตราสัญลักษณ์ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับตราสัญลักษณ์ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และตราสัญลักษณ์ของ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ในเอกสารโครงการการประชาสัมพันธ์ และร่วมลงนามในเกียรติบัตรสำหรับโรงเรียน ครู และนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ได้มอบหนังสือที่เหมาะสมสำหรับเยาวชน จำนวน 1,700 เล่ม สำหรับโรงเรียนที่ชนะการแข่งขันในโครงการ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เฟ้นหาโรงเรียนส่งเสริมรักการอ่านดีเด่นระดับประถมศึกษา ประจำปี 2560 รวมถึงส่งตัวแทนมาร่วมเป็นกรรมการตัดสินในโครงการ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เฟ้นหาครูต้นแบบส่งเสริมรักการอ่าน ระดับประถมศึกษา ประจำปี 2560 อีกด้วย
ทางฝั่งของ ครูนัยน์ปพร พญาชน ตัวแทนคุณครูที่เข้าร่วมโครงการฯ จากโรงเรียนวัดยกกระบัตร (ชุบราษฎร์นุสรณ์) จ.สมุทรสาคร กล่าวทิ้งท้ายว่า "โครงการส่งเสริมรักการอ่าน เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ชวนน้องอ่าน" มีส่วนสำคัญในการช่วยส่งเสริมให้เยาวชนได้มีพัฒนาการ ฝึกฝนทักษะในหลาย ๆ ด้านให้กับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการตีความ การคิดวิเคราะห์ ตลอดจนความกล้าแสดงออก อันเกิดจากการให้เด็กย่อความและออกมานำเสนอหลังจากที่อ่านหนังสือจบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เอง จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการในการเรียนรู้อันเนื่องมาจากการอ่านเพิ่มมากขึ้นโดยที่เด็กไม่รู้ตัว ซึ่งจะความรู้และทักษะดังกล่าว จะอยู่กับเด็กต่อไปในอนาคต และเป็นรากฐานสำคัญในการเรียนรู้ด้านอื่น ๆ ต่อไป
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม ได้ที่ www.1112.com และเฟสบุ๊คแฟนเพจ www.facebook.com/The Pizza Company 1112 Lovers หรือโทร.1112