กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ.แอ็พพลาย ดีบี หรือ ADB ผู้นำผลิตภัณฑ์กาวและยาแนว และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ เปิดยุทธศาสตร์ดันการเติบโต มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์กาวและยาแนวที่มีอัตรากำไรที่ดี และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ ที่บริษัทฯ มีประสบการณ์มาเป็นระยะเวลายาวนาน ชูศักยภาพทีม R&D ที่พร้อมร่วมมือกับลูกค้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการแบบเฉพาะราย ด้านผู้บริหารวางแผนลงทุนขยายโรงงานรับการผลิตสินค้าใหม่และเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าในปัจจุบัน พร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เตรียมเสนอขายหุ้น IPO 180 ล้านหุ้น หลังสำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติแบบคำขอ พร้อมเตรียมจัดโรดโชว์ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนรายย่อยในช่วงบ่ายของวันที่ 11 ต.ค. นี้ ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายหวัง วนาไพรสณฑ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้วางยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนธุรกิจ โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์กาวและยาแนวซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรที่ดีและแนวโน้มการขยายตัวที่ดีจากปริมาณความต้องการใช้สินค้าที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมองโอกาสการพัฒนาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งขันและผลักดันการเติบโตที่มั่นคง รวมถึงเร่งรุกขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทฯ แบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์ยาแนว(Adhesive and Sealant) ซึ่งประกอบด้วย 1.ผลิตภัณฑ์กาวชนิดต่างๆ เพื่อใช้ยึดติดวัสดุ อาทิ กาวยาง กาวกร๊าฟท์หรือกาวขาว กาวซูเปอร์กลูหรือกาวพลังช้าง กาวแทนตะปู ฯลฯ และ 2.ผลิตภัณฑ์ยาแนว ซึ่งแบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์อะคริลิกยาแนวสำหรับอุดรอยต่อที่มีความยืดหยุ่นน้อยและคงทนต่อสภาพแวดล้อมต่ำ และผลิตภัณฑ์ซิลิโคนยาแนวสำหรับอุดรอยต่อที่มีความยืดหยุ่น คงทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมสูง
โดยมีผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ เช่น แบรนด์ ADB DB SPARKO DAI-I-CHI และ OMAKUและรับจ้างผลิต (OEM) ภายใต้การอนุญาตและกำกับดูแลขั้นตอนการผลิตจากเจ้าของตราสินค้าชั้นนำในระดับสากล นอกจากนี้ ยังผลิตและจำหน่ายสินค้าซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมที่ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์กาวเพื่อเพิ่มประสิทธิการยึดติดวัสดุและเสริมศักยภาพการใช้งานของกาว ได้แก่ น้ำยารองพื้น (Primer) ทินเนอร์ (Thinner) และสารทำให้แข็ง (Hardener)
กลุ่มที่สอง ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ (Plastic compound) ประกอบด้วย 1.ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกพีวีซี (PVC compound) ทั้งแบบนิ่มที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมสายไฟและสายเคเบิ้ล และแบบแข็งซึ่งนำไปขึ้นรูปเพื่อผลิตขอบคิ้วเฟอร์นิเจอร์ ฟิล์มฉลากบรรจุภัณฑ์ต่างๆ และข้อต่อท่อพีวีซี เป็นต้น 2.เส้นใยสังเคราะห์โพลีโพรพิลีน โดยนำไปแปรรูปและจะถูกใช้เป็นฟิลเลอร์ร่วมกับเม็ดพลาสติกในกระบวนการผลิตสายไฟและสายเคเบิ้ล และ 3.เม็ดเทอร์โมพลาสติกอิลาสโตเมอร์ ซึ่งสามารถนำไปขึ้นรูปเพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปตามความต้องการของลูกค้า ได้แก่ พื้นรองเท้า
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADB กล่าวว่า บริษัทฯ ยังมีแผนงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและผลักดันการเติบโตในอนาคต โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในจังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้งบลงทุนรวม 230 ล้านบาท เพื่อการผลิตสินค้าใหม่ ได้แก่ 1.ซิลิโคนยาแนว และ 2.โมดิฟายซิลิโคนพอลิเมอร์สำหรับยาแนว และเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าในปัจจุบัน ได้แก่ 1.อะคริลิกยาแนว และ 2.กาวแทนตะปู โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 ชนิดดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเพิ่มอัตรากำไรที่ดีขึ้นในอนาคต คาดว่าโรงงานแห่งใหม่จะเริ่มการผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4 ปี 2561 ซึ่งจะมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมเพิ่มขึ้น 13,500 ตันต่อปี
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกพีวีซีเพื่ออุตสาหกรรมการแพทย์ รองรับเทรนด์การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ ช่วยสร้างเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกฮาโลเจนฟรีเพื่อใช้ผลิตสายไฟที่ก่อให้เกิดควันและสารพิษต่ำเมื่อถูกไฟไหม้ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานผลิตภัณฑ์จากพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายพิริยะ ม่วงคร้าม ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค ADB กล่าวว่า คณะผู้บริหารได้ร่วมกันกำหนดแผนงานในการมุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมที่มีอัตรากำไรที่ดีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงการลดต้นทุนการผลิต โดยใช้จุดแข็งของมีทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่มีจากประสบการณ์ร่วมงานกับ ADB มานานกว่า 12 ปี พร้อมทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด จึงสามารถวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะราย อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญซึ่งทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในเชิงการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ถือเป็นหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์กาวและยาแนวและผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมากว่า 30 ปี และยังได้รับความไว้วางใจในการสั่งซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการชั้นนำของโลก นอกจากนี้ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าบริษัทฯ มีศักยภาพในการผลิตสินค้าที่ดีและมีความหลากหลาย จึงมีคู่แข่งขันที่สามารถผลิตสินค้าในระดับเดียวกันเพียงไม่กี่รายและมีศักยภาพในการขยายตลาดที่คู่แข่งขันอาจยังไม่สามารถเข้าถึง
ด้านนางสุนิต วิสุทธิโกศล กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า ADB ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 180 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ โดยสำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อย
ปัจจุบัน ADB มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50บาท โดยทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วมีจำนวน 420 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 180 ล้านหุ้น เพื่อระดมทุนนำไปซื้อเครื่องมือ เครื่องจักรและอุปกรณ์ผลิตสินค้าเพื่อขยายธุรกิจในอนาคต ชำระเงินกู้จากสถาบันการเงิน ใช้ลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดยในวันพุธที่ 11 ตุลาคมนี้ เวลา 13.00 - 15.00 น. จะจัดโรดโชว์แนะนำธุรกิจของ ADB ให้แก่นักลงทุนรายย่อย ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ อาคาร B ชั้น 3 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยนักลงทุนรายย่อยที่สนใจสามารถแจ้งรายละเอียดเพื่อสำรองที่นั่งได้ทาง register@adb.co.th และคาดว่าจะนำ บมจ.แอ็พพลาย ดีบี เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในปีนี้