กรุงเทพฯ--4 ต.ค.--ชลาชล
ดร.สมศักดิ์ ชลาชล ประธานกรรมการ บริษัท ชลาชล จำกัด เข้ารับการประกาศเกียรติคุณรางวัล "ความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน" BEST PRACTICE AWARDS 2017 สาขาการบริหาร และพัฒนาองค์กร โดยได้รับเกียรติจากพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ประธานในพิธีมอบรางวัล ณ ห้องชัยพฤกษ์2 หอประชุมกองทัพอากาศ กรุงเทพฯ
มูลนิธิเพื่อสังคมไทย เป็นองค์กรที่มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาจิตใจและคุณธรรมประชาชน ยกย่องสนับสนุนผู้ประกอบ คุณงามความดี จึงได้จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อสังคมภายใต้โครงการ หนึ่งล้านกล้าความดีถวายในหลวง รางวัล"ความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน" BEST PRACTICE AWARDS 2017 เพื่อเป็นการยกย่อง ส่งเสริม ให้กำลังใจบุคคล และองค์กร ที่มีส่วนร่วมอุทิศตนเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และประเทศชาติ โดยหวังเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะช่วยสร้างสรรค์ให้สังคมไทยเป็นสังคมที่น่าอยู่สำหรับคนไทย
คณะกรรมการรางวัล "ความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน" BEST PRACTICE AWARDS 2017 ได้ร่วมพิจารณาประวัติและผลงานของ ดร.สมศักดิ์ ชลาชล เห็นว่าเป็น "บุคคล" ที่สามารถนำความรู้ไปปฏิบัติจริง มีวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ ประพฤติตนอยู่ในกรอบคุณงามความดี มีคุณธรรมจริยธรรม และได้สร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวม สังคมและประเทศชาติ พร้อมทั้งมีการตอบแทนคุณแผ่นดินในรูปแบบต่างๆ ได้รับการสนับสนุน ยกย่อง ให้เป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม และสาธารณะชน จึงได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ดร.สมศักดิ์ ชลาชล ประธานกรรมการ บริษัท ชลาชล จำกัด ได้รับการประกาศเกียรติคุณรางวัล "ความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน" BEST PRACTICE AWARDS 2017 สาขาการบริหารและพัฒนาองค์กร
ดร.สมศักดิ์ ชลาชล ประธานกรรมการ บริษัท ชลาชล จำกัด กล่าวว่า "ในนามผู้แทนของผู้เข้ารับรางวัลทุกท่านในวันนี้ ขอขอบพระคุณมูลนิธิเพื่อสังคมไทย ตลอดถึงองค์กรภาคีทุกแห่ง และทุกท่าน ที่ได้จัดโครงการหนึ่งล้านความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน และจัดงานประกาศเกียรติคุณมอบรางวัลขึ้นในวันนี้ ด้วยความภาคภูมิใจของพวกเราทุกคน ชื่อของรางวัลนี้มีประโยค และความสำคัญที่เราต้องใส่ใจ และใคร่ครวญเป็นอย่างดีอยู่สองประเด็นคือ ความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน และความเป็น BEST PRACTICE คือวิธีปฏิบัติใดๆที่มีประสิทธิภาพที่สุดในแต่ละสาขา ซึ่งหมายความว่าพวกเราที่ได้รับรางวัลทุกท่านในวันนี้ ทั้งประเภทองค์กร และบุคคลต่างก็มีความเป็นเลิศในสาขาวิชาการ และวิชาชีพของแต่ละท่าน ที่สมควรแก่การได้รับการยกย่องชื่นชม และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคมไทย กระทั่งความเป็นเลิศเหล่านั้นยังเป็นคุณแก่สังคม และแผ่นดินไทยอีกด้วย
การที่พวกเราได้รับการคัดเลือกเข้ารับรางวัลในวันนี้ ผมเชื่อว่าเป็นวันแห่งความดีใจ ภูมิใจ และปลื้มใจโดยทั่วกัน
"ดีใจ" ในผลงานที่ผ่านมาของเราที่อยู่ในสายตาของสังคมไทย
"ภูมิใจ" ที่ได้ทุ่มเทความรู้ความสามารถของตนจนสร้างผลงานขึ้นมา และได้รับการยกย่องชื่นชมว่ามีความเป็นเลิศคือ BEST PRACTICE
และ"ปลื้มใจ"ในผลงานที่เป็นเลิศต่างๆเหล่านั้น ที่มีคุณค่า และเกิดประโยชน์ต่อสังคมไทย
ในผลงานที่เป็นเลิศต่างๆเหล่านั้นที่มีคุณค่าและเกิดประโยชน์ต่อสังคมไทย
นอกจากความรู้สึกดีใจ, ภูมิใจ และปลื้มใจดังกล่าวแล้ว ผมยังเห็นว่าทั้งมูลนิธิเพื่อสังคมไทยและผู้ได้รับรางวัลทุกท่านและทุกองค์กรในวันนี้ ต่างก็ได้ร่วมกันสนองนโยบายของรัฐบาลและประเทศไทยในช่วงนี้อีกด้วย นั่นคือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย Thailand4.0 ซึ่งเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมด้วย"นวัตกรรม" ทั้งนวัตกรรมเชิง Product และProcess กล่าวคือมุ่งสร้างนวัตกรรมหรือ BEST PRACTICE ทั้งผลิตภัณฑ์และกระบวนการนั่นเอง
ดังนั้นวันนี้ จึงนับว่าเป็นวันแห่งการรวมบุคคลและองค์กรนวัตกรรม จากทุกชุมชนวิชาชีพและวิชาการแขนงต่างๆของเมืองไทยอีกด้วย
การเข้ารับรางวัลในวันนี้ สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าความภูมิใจของพวกเราทุกคนก็คือ การได้มีโอกาสเป็นแบบอย่างที่ดี และมีความเป็นเลิศในสิ่งที่เราทำได้สำเร็จแล้ว และยังจะไปเป็นแรงบันดาลใจให้ใครๆอีกหลายคน และหลายองค์กรในสังคมไทย ได้สร้าง และพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นทั้งในเชิงปริมาณ และคุณภาพ เพื่อจะนำมาสู่การพัฒนาสังคม และประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น
พวกเราจะตั้งใจมุ่งมั่นทุ่มเททั้งกำลังกายและกำลังสติปัญญา เพื่อพัฒนาวิชาชีพและวิชาการในทุกแขนงที่เราต่างรับผิดชอบกันอยู่ให้ดีและมีคุณภาพยิ่งๆขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่พวกเราเคารพรักและเทิดทูนไว้เหนือเกล้า ตลอดจนเพื่อความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขของสังคมไทยตลอดไป"