กรุงเทพฯ--6 ต.ค.--Noname IMC
"แบ็กซเตอร์ รันฟอร์ฟันด์" รวมพลคนรักสุขภาพทุกช่วงวัยกว่า 1,800 รายวิ่งสกัดโรค ก้าวต่อไปไม่สะเทือนไต...เพื่อผู้ป่วยโรคไตและโรคฮีโมฟีเลีย
นับเป็นปีที่ 5 แล้ว สำหรับกิจกรรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพ-มินิมาราธอนการกุศล "แบ็กซ์เตอร์ รันฟอร์ฟันด์ 2017" (Baxter Run for Fund 2017) ซึ่งปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "วิ่งสกัดโรค ก้าวต่อไปไม่สะเทือนไต" ระยะทาง 5 และ 10.5 กิโลเมตร จัดโดยบริษัทแบ็กซ์เตอร์ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ประกอบการด้านเวชภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ชั้นนำ เพื่อนำเงินรายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่าย มอบให้มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย และมูลนิธิโรคเลือดออกง่ายแห่งประเทศไทย ซึ่งปีนี้เป็นการรวมพลนักวิ่งและผู้รักสุขภาพทุกเพศทุกวัยทั้งชาวไทยและต่างชาติ กว่า 1,800 คน โดยมีตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุวัยเกษียณ รวมถึงผู้ป่วยและผู้พิการทางขา ณ สวนหลวง ร.9 เมื่อเร็วๆ นี้
ภญ.ทิพวรรณ จิตพิมลมาศ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท แบ็กซ์เตอร์ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าคนไทยป่วยเป็นโรคไตกันเยอะ สาเหตุหลักมาจากโรคความดัน เบาหวาน และพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม เช่น กินอาหารเค็ม และขาดการออกกำลังกาย ในฐานะที่แบ็กซ์เตอร์ฯ เป็นผู้ประกอบการด้านเวชภัณฑ์สำหรับการล้างไตทางช่องท้อง รวมถึงเวชภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ในผู้ป่วยภาวะวิกฤติ ตระหนักดีว่าการมีสุขภาพแข็งแรง จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ปลอดโรค สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกิจกรรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพการกุศล "แบ็กซ์เตอร์ รัน ฟอร์ ฟันด์ 2017" ปีนี้ มุ่งส่งเสริมและกระตุ้นให้ทุกเพศทุกวัยใส่ใจการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น เพื่อปลูกฝังให้รักการออกกำลังกายตั้งแต่ในวัยเด็ก ไปจนถึงวัยทำงาน และผู้สูงอายุ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพดีในทุกช่วงวัย อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในหมู่คณะและครอบครัว รวมถึงผู้ป่วยก็ควรหันมาออกกำลังกายตามความเหมาะสมเพื่อจะได้มีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยปีนี้เป็นที่น่ายินดีว่ามีผู้รักสุขภาพให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมมากถึง 1,800 คน ซึ่งเงินรายได้จากค่าสมัครทั้งหมด 720,000 บาท บริษัทฯ ได้มอบให้มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย และโรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลียแห่งประเทศไทย โดยไม่หักค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยและกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิฯ ต่อไป
ในการจัดงานเดินวิ่งครั้งนี้ ทางแบ็กซ์เตอร์ฯ ให้ความสำคัญกับทุกกลุ่มอายุ โดยให้รางวัลกับผู้ชนะในรุ่นต่างๆ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการกระตุ้นให้เกิดกระแสการรักสุขภาพของตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ชนะรุ่นเยาว์เป็นพี่น้องฝาแฝด ด.ช.พรชินสีห์ และ ด.ช.พรชินราช จำรูญ และ ด.ญ.จิรัชยา พรมนต์ อายุ 13 ปี วิ่ง 10.5 กม.ใช้เวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้นเอง ทั้งนี้ผู้ชนะรุ่นใหญ่ที่ใส่ใจสุขภาพแม้จะอายุ 52 ปี แต่ยังแข็งแรงฟิตเปรี๊ยะอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีผู้พิการทางขา ก็ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายอย่าง คุณสมเกียรติ อินทร์สอน อายุ 39 ปีเป็นครูอยู่ จ.นครสวรรค์ เป็นโปลิโอแต่กำเนิด เดินทางไกลเพื่อมาวิ่งให้กำลังใจผู้ป่วยในโครงการนี้ เล่าว่า แม้ว่าร่างกายเราจะไม่พร้อม แต่จิตใจเรายังดีอยู่ เรายังมีหน้าที่ที่จะต้องทำต่อ ต้องสอนหนังสือให้กับเด็กพิเศษที่โรงเรียน ยังมีคนที่แย่กว่าเราอีกมาก ฉะนั้นผมก็จะต้องดูแลตัวเอง โดยผมก็จะมาออกกำลังไม่ตอนเช้าก็ตอนเย็น เพื่อกระตุ้นกำลังแขน บ้างก็ยกเวทเพื่อให้กล้ามเนื้อแขนแข็งแรง จะได้ช่วยเหลือตัวเอง และผู้อื่นได้มากกว่านี้
พญ.สุขฤทัย เลขยานนท์ อนุกรรมการฝ่ายไตเทียม มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี การมีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้ป่วยต่างๆ นับเป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้ผู้ป่วยโรคไต สามารถดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับคนปกติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน หรือเรื่องอาหารการกิน ก็ไม่ได้ควบคุมจากความเป็นจริงมากนัก ผู้ป่วยสามารถอยู่อย่างมีความสุขและมีชีวิตยืนยาวได้ ส่วนการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ เช่น เดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ แอโรบิค ปั่นจักรยาน แบดมินตัน แต่ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องประเมินกำลังของตนเองด้วยว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน"
ด้าน รศ.พล.อ.ไตรโรจน์ ครุธเวโช เลขาธิการมูลนิธิโรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลียแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม มีอาการเลือดออกง่ายและหยุดยากเป็นๆหายๆตลอดชีวิต เราต้องการให้ผู้ป่วยมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง โดยผู้ป่วยสามารถออกกำลังกายได้ แต่ควรทำอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ หรือการกระทบกระแทกที่รุนแรง เช่น การเดิน-วิ่ง (อย่างระมัดระวัง) หรือว่ายน้ำ เป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ข้อต่อตามร่างกายจะกระชับ ช่วยลดการบาดเจ็บของเยื่อหุ้มข้อ ทั้งนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของความพอเหมาะพอดี ค่อยเป็นค่อยไป ไม่หักโหม เพราะอาจเกิดอันตรายได้