กรุงเทพฯ--6 ต.ค.--เบทาโกร
จากตัวอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา วิ่งรถมาอีกราว 6 กิโลเมตร เราก็เดินทางมาถึงสถานที่ตั้งของโรงเรียนเบทาโกรวิทยา ยามเช้าวันนี้ท้องฟ้าเปิดและมีอากาศที่สดใสมาก เรากวาดตามองไปเห็นภาพเด็กนักเรียนตัวเล็ก เด็กโต ไปจนถึงคุณครู และพี่ๆ ตัวโต เกือบ 300 คน กำลังสาละวนกับการจัดมุมกิจกรรมต่างๆ ภายในโรงเรียนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดูคึกคักสนุกสนานเป็นพิเศษ เหมือนกับรอคอยต้อนรับใครบางคนที่กำลังจะมาเยือน….
"มาแล้วๆๆๆๆ" เสียงเด็กๆ ตะโกนร้องอย่างดีใจ จนเราต้องชะเง้อมองไปตามเสียง และก็พบกับคำตอบที่คลายความสงสัยเมื่อเห็น "โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟหญิงอันดับ 1 ของโลก ในฐานะโกลบอล แบรนด์ แอมบาสเดอร์ ของเครือเบทาโกร ในชุดลำลองสบายๆ กำลังก้าวลงจากรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และไหว้สวัสดีทักทายทุกผู้คนที่พบเจอ จากนั้นขบวนกลองยาวนักเรียนโรงเรียนเบทาโกรวิทยา ก็เคลื่อนขบวนออกมาต้อนรับผู้มาเยือนอย่างสนุกสนาน และชักชวนโปรเมกับทีมงานมูลนิธิสายธาร เครือเบทาโกร มาร่วมเล่นกิจกรรมสันทนาการกับน้องๆ อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการสอนพัตกอล์ฟ การชมการแสดงแสนน่ารัก การทำอาหารว่าง ขนมจีบ ขนมปังไส้กรอก การจัดเลี้ยงอาหารมื้อกลางวันที่มีคุณภาพและแสนอร่อย และการวาดภาพขอบคุณโปรเมจากใจน้อง โดยไฮไลท์สุด คือ การมอบทุนการศึกษาผ่านมูลนิธิสายธาร และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนขาดแคลน 19 คน รวมกว่า 400,000 บาท
"ขอขอบคุณโปรเม และมูลนิธิสายธาร เครือเบทาโกร ที่เห็นความสำคัญของการศึกษา และคุณภาพชีวิตที่ดีของนักเรียนทุกคนที่โรงเรียนแห่งนี้ โดยการมอบทุนการศึกษา และนำอาหารคุณภาพมาเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ที่นี่ ผมเชื่อว่าโรงเรียนเบทาโกร วิทยา คงไม่ใช่โรงเรียนแห่งแรก และแห่งเดียวที่มูลนิธิสายธาร เครือเบทาโกร ได้นำ 'โอกาสที่ดี' ไปมอบให้เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลเด็กๆ ที่ขาดแคลนให้มีโอกาสได้รับการศึกษาที่ดี แต่เราเป็นอีกหนึ่งโรงเรียนที่ได้รับทุนเพื่อไปต่อยอดจุดประกายการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กๆ และครอบครัวของเขาเหล่านั้นให้เติบโตเป็น 'คนคุณภาพ' ของสังคมโดยรวมอีกทางหนึ่ง" สุกิจ บัวคง ผู้อำนวยการโรงเรียนเบทาโกรวิทยา กล่าว
โรงเรียนเบทาโกรวิทยา ตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ หมู่ที่ 1 บ้านปางอโศก ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 4 เปิดการเรียนการสอนระดับก่อนประถมศึกษาจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในพื้นที่ครอบคลุม 3 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 8 รวมไปถึงเด็กที่อาศัยอยู่ตามสถานอพยพที่ติดตามผู้ปกครองมาประกอบอาชีพอีกจำนวนหนึ่ง โดย ผอ. ขยายความว่า "โรงเรียนแห่งนี้เปิดการเรียนการสอนตามโครงการขยายโอกาสทางการศึกษา มีห้องเรียนจำนวน 11 ห้อง และมีนักเรียนรวม 222 คน โดยนักเรียนส่วนใหญ่มีฐานะค่อนข้างยากจน และขาดแคลน เนื่องจากผู้ปกครองมีอาชีพเกษตรกรรม เป็นพนักงานในโรงงาน และรับจ้างทั่วไป ซึ่งทางโรงเรียนเราจะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐส่วนหนึ่ง ดังนั้นการที่เรามีโอกาสได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากเครือเบทาโกร และมูลนิธิสายธาร เป็นประจำอยู่ทุกปี จึงนับเป็นกำลังใจที่ดีของทั้งนักเรียน และครู ในการมีส่วนร่วมการจัดกระบวนเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างเสริมคุณภาพของเด็กในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม การอนุรักษ์วัฒนธรรม กีฬาและดนตรี ควบคู่กันไปให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก"
เราได้พูดคุยกับ ด.ญ. ยลดา บุตรดี ชั้นป.5 ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเรียนทุนขาดแคลนของมูลนิธิฯ ที่เล่าว่า "หนูอยู่กับยายและน้องสาว ยายเป็นโรคกระดูกพรุน ทำงานไม่ได้ ตอนนี้หนูต้องเป็นคนหาเงินเข้าบ้าน ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟบ้าง ล้างจานบ้าง ในวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในบ้าน ตอนนี้หนูกับยายเช่าบ้านอยู่ แต่เจ้าของบ้านจะให้พวกเราย้ายออกภายใน 10 วันเพราะจะมีคนใหม่มาอยู่ พอครูรู้ปัญหาของหนู ทางมูลนิธิสายธารและครู จึงช่วยให้หนู น้อง และยายได้มาพักที่บ้านพักครูชั่วคราวในระหว่างหาบ้านเช่าใหม่ และให้ทุนการศึกษาเพื่อให้หนูได้มีโอกาสเรียนต่อได้ไม่ลำบากมากนัก หนูขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกคนที่ไม่ทอดทิ้งหนูค่ะ"
สำหรับการดูแลปัญหาของเด็กๆ เหล่านี้ วีณา น้ามังคละกุล ผู้อำนวยการมูลนิธิสายธาร บอกกับเราว่า "เด็กที่รับทุนส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาครอบครัวที่แตกต่างกัน เช่น น้องภาคภูมิ ใจกรุณา ชั้นอนุบาล 2 มีแม่พิการ และยาย ซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือน้องปาลิดา ศรประสิทธิ์ ชั้นป.2 มีพี่น้องหลายคนแต่มีแม่เลี้ยงดูเพียงคนเดียว เป็นต้น แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ทุกบ้านมีฐานะยากจน และขาดโอกาส ทางมูลนิธิสายธารก็จะประสานกับเครือเบทาโกรอยู่เสมอ เพื่อให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ เช่น ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลแม่ของเด็กที่พิการ เช่น รพสต.กลางดง เทศบาลสีมามงคล เพื่อหาแนวทางรักษา จัดหารถเข็นให้แม่ของเด็กได้ลงจากเตียงและออกมารับอากาศบริสุทธิ์นอกบ้าน หาอาชีพเสริมให้ยายของเด็กทำเพื่อจะได้มีรายได้ เช่น การปลูกผักบุ้งในตะกร้า หรือการทำงานฝีมือ และให้เด็กนำวิชาความรู้ที่ได้จากการเรียนแบบบูรณาการมาใช้หารายได้ เช่น การทำขนมปังไส้กรอก เค้กกล้วยหอม เครป น้ำข้าวโพด วุ้นกะทิ สำหรับขายในตลาดนัดของชุมชนปางอโศก เป็นต้น"
และได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "นอกเหนือจากการช่วยเหลือที่จำเป็นเหล่านี้แล้ว ที่เครือเบทาโกร เราเชื่อว่า การให้ทุนการศึกษา คือ 'โอกาส' ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กๆ ให้ดีขึ้นได้ ซึ่งนับเป็นเวลากว่า 20 ปีมาแล้วที่ทุกน้ำใจของผู้บริหารและพนักงานในเครือเบทาโกรได้ส่งผ่านมูลนิธิสายธาร ทั้งทุนการศึกษา การช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ที่มอบชีวิตใหม่ให้เด็กผู้ยากไร้กว่า 700 คนทั่วประเทศ ให้พ้นจากความเดือดร้อน ช่วยเหลือเด็กยากไร้ในชนบทให้มีโอกาสได้รับการศึกษา และเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนและครอบครัวให้ดียิ่งขึ้นไป"
ส่งท้ายด้วยความรู้สึกจากใจ 'โปรเม' เอรียา จุฑานุกาล คนสำคัญของงานที่เป็นผู้มอบทุนการศึกษาผ่านมูลนิธิสายธารว่า "เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมโปรดของเมที่ได้มีโอกาสมาปฏิบัติหน้าที่ในฐานะโกลบอล แบรนด์ แอมบาสเดอร์ของเครือเบทาโกร เพราะเมจะเข้าใจดีถึงคำว่า 'โอกาส' สำหรับเมเองถ้าไม่มีพ่อแม่ที่สนับสนุนและผลักดันในทุกทางก็คงไม่สามารถเติบโตมาจนเป็นนักกอล์ฟคุณภาพและประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งทำให้เมเห็นคุณค่าและความสำคัญของโอกาสเหมือนกัน จึงยินดีมากถ้าเราจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสังคมไทยที่สามารถหยิบยื่นโอกาสที่จะให้เด็กไทยของเราได้เติบโตขึ้นมาเป็นคนคุณภาพ เพื่อสร้างสังคมที่มีคุณภาพในอนาคตให้ยั่งยืนยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยเช่นกัน และอยากฝากน้องๆ นักเรียนทุกคน ให้ขยัน อดทน และไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นเพราะทุกคนมีความสามารถและมีจุดเด่นของตน ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ตนเองมีความสุขและไม่ทำให้คนอื่นเดือนร้อน เป็นเด็กดีและตั้งใจ เดินหน้าทำต่อไปอย่างมีความสุข" โปรเม กล่าวทิ้งท้ายก่อนลากลับไปด้วยรอยยิ้มให้กำลังใจ และอ้อมกอดที่ทำให้น้องๆ ที่ถูกสวมกอดทุกคนจดจำความสุขนี้ไปอีกนาน