กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--กิมเอ็ง
บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประกาศแผนงานพร้อมเดินหน้ารักษาแชมป์ “โบรกเกอร์อันดับ 1” ต่อเป็นปีที่สี่
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “นับเป็นความสำเร็จอีกครั้งที่บริษัทฯ สามารถครองแชมป์โบรกเกอร์อันดับ 1 ได้อีกเป็นสมัยที่สาม โดยมีส่วนแบ่งการตลาดของปี 2547 ที่ 11.71 % บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 3,210.03 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,042.66 ล้านบาท คิดเป็นกำไรเพิ่มขึ้น 12.96 % สำหรับปีนี้บริษัทฯ วางเป้าหมายที่จะรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่ 11-12 % โดยมองภาพงานบริการแบบสามมิติ หรือ 3 D สำหรับแผนงานปีนี้ :
D แรก คือ Dream Team (พัฒนาเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่) บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาในการสร้างเจ้าหน้าที่การตลาดรุ่นใหม่ๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมา มีอัตราการขยายตัวของเจ้าหน้าที่การตลาดถึง 45 % หรือเพิ่มขึ้น 154 คน โดยเจ้าหน้าที่การตลาดเพิ่มขึ้นจาก 342 คน ในปี 2546 เป็น 496 คน ในปี 2547 นอกจากนี้ การที่จะสร้างทีมเจ้าหน้าที่การตลาดที่ดีมีคุณภาพ จำเป็นที่จะต้องมีการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างจิตสำนึกในงานบริการและพัฒนาคุณภาพงานบริการให้เข้าถึงลูกค้าอย่างประทับใจ
D ที่สอง คือ Differentiate (กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง) บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างความแตกต่าง ทั้งในเชิงงานบริการที่หลากหลาย เทคโนโลยีใหม่ๆ หลากหลายรูปแบบ ทั้งบริการลูกค้าให้ตรงกลุ่มและความต้องการของลูกค้า
D ที่สาม คือ Dedicated to Impressive Services (ทุ่มเทให้บริการอย่างประทับใจ) การทุ่มเทในบริการของเจ้าหน้าที่การตลาด และความเอาใจใส่สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า โดยการมุ่งเน้นคุณภาพงานบริการ ผ่านระบบ CRM ให้เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก โดยตั้งศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์เป็นหน่วยงานประสานงานกลางในการให้บริการลูกค้า
นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ กรรมการผู้จัดการ สายการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมานับว่าเป็นปีที่ท้าทายสำหรับการดำเนินธุรกิจ สภาวะการลงทุนไม่เอื้ออำนวยส่งผลให้ภาพรวมการซื้อขายหลักทรัพย์ผันผวนและส่งผลกระทบกับภาวะการลงทุน แต่บริษัทฯ ก็สามารถดำเนินงานตามแผนงานที่ได้ตั้งไว้ทั้งการเปิดสาขาใหม่ จำนวน 3 แห่งตามเป้าหมาย คือ สาขายะลา และสาขาในกรุงเทพฯ อีกสองแห่ง คือสาขาทาวน์ อิน ทาวน์ และแฟชั่น ไอส์แลนด์ ส่งผลให้ปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้นจำนวน 35 สาขา ไม่รวมสำนักงานใหญ่ ปีนี้บริษัทฯ วางเป้าหมายที่จะเพิ่มสาขาอีกประมาณ 3-4 สาขา โดยบริษัทฯ มีลูกค้าที่เปิดบัญชีอยู่ในปัจจุบันประมาณ 50,000 ราย คิดเป็นลูกค้าที่มีการซื้อขายประมาณ 50 % ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังเน้นการแสวงหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทั้งลูกค้าสถาบันที่มีอัตราขยายตัวและมีฐานที่เพิ่มขึ้นมากในปีที่ผ่านมาจนทำให้สัดส่วนของลูกค้าสถาบันของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วนถึง 20 % และมีสัดส่วนลูกค้ารายย่อยประมาณ 80 % จากเดิมที่สัดส่วนลูกค้าของบริษัทฯ จะแบ่งเป็นลูกค้าสถาบันประมาณ 10 % และสัดส่วนลูกค้ารายย่อยอีก 90 % นอกจากนี้ การมุ่งเน้นการเพิ่มพูนความรู้แก่เจ้าหน้าที่การตลาดในทุกๆ ด้าน ให้มีความรอบรู้และเชี่ยวชาญ จะเป็นแผนงานหลักอย่างหนึ่งของบริษัทฯ สำหรับปีนี้เช่นกัน โดยบริษัทฯ ได้ศึกษาและมีแผนงานที่จะนำเทคโนโลยี e-learning เข้ามาเสริมเพื่อให้การฝึกอบรมสามารถเข้าถึงเจ้าหน้าที่การตลาดที่อยู่สาขาที่ห่างไกล ใช้เทคโนโลยีอบรมพร้อมๆ กับทีมงานที่สำนักงานใหญ่ การเพิ่มคุณภาพงานบริการก็ยังเป็นสิ่งหนึ่งที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเน้นการดูแลในด้านสวัสดิการต่างๆ ให้แก่พนักงาน เพื่อให้แข่งขันได้ในอุตสาหกรรม
ในส่วนของการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต ปัจจุบันบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดด้านอินเทอร์เน็ตอยู่ประมาณ 17 % เมื่อเทียบกับปริมาณการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตของตลาดรวม ซึ่งถือว่ามีการเติบโตที่สูงเกินความคาดหมายถึง 94 % ซึ่งบริษัทฯ ได้วางเป้าหมายที่จะขยายส่วนแบ่งเป็น 22 % สำหรับปี 2548 นี้ เพื่อตอบสนองกับกระแสความนิยมและตอบรับในการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตที่สะดวก รวดเร็ว ที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังมีเครื่องมือใหม่ๆ ที่จะใช้ส่งคำสั่งซื้อขายได้ อาทิ โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบพกพา PDA ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ที่นักลงทุนสามารถดูข้อมูลรวมทั้งส่งคำสั่งซื้อขายผ่านเครื่องมือสื่อสารต่างๆ บนมาตรฐานสากลทางด้านความปลอดภัย
การพัฒนารูปแบบการเสนอวิเคราะห์หุ้น ผ่านเว็บไซค์ของบริษัทฯ บนระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่เรียกว่า KELIVE TV เป็นอีกรูปแบบที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และได้กลายเป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสาร ความรู้ในการลงทุนด้านหลักทรัพย์แก่นักลงทุนทั่วไป โดยเป็นบริการที่ไม่เก็บค่าใช้จ่ายและเปิดให้แก่บุคคลทั่วไป ซึ่งหลังจากที่ได้เปิดบริการใหม่นี้ไปเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยมีผู้เข้ามาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 2,000 ราย ซึ่งบริษัทฯ ก็มุ่งมั่นที่จะพัฒนา KELIVE TV ให้มีรูปแบบที่โดดเด่นขึ้น มีเนื้อหาที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เข้ามาใช้บริการ
นายสิทธิไชย มหาคุณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชนธกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผลงานทางด้านวาณิชธนกิจในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เป็นที่ปรึกษาการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เพื่อ นำบริษัทเข้าจดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI) จำนวน 12 บริษัท ตลอดจนบริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมจัดจำหน่ายหลักทรัพย์อีก 26 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวมกว่า 8,000 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจจำนวน 167.24 ล้านบาท สำหรับในปีนี้บริษัทฯ มีแผนการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ใหม่ คาดว่าประมาณ 20 บริษัท รวมมูลค่าระดมทุนไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนมกราคม 2548 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นที่ได้มีการเลื่อนการเสนอขายจากปลายปี 2547 จำนวน 2 บริษัท ได้แก่ บมจ.อิตาเลี่ยนไทย ดีเวลอปเมนท์ และ บมจ.บางสะพานบาร์มิล คิดเป็นมูลค่าการระดมทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท ในส่วนของบริษัทที่อยู่ระหว่างการเตรียมการ จะได้มีการเสนอขายในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป โดยบริษัทดังกล่าวฯ จะกระจายอยู่ในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจการเงิน และธุรกิจบันเทิงและสันทนาการ เป็นต้น”
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
โทร. 02 658 6300 ต่อ 1031 - 1033
หรือ แฟ๊กซ์ 02 658 6398--จบ--