กรุงเทพฯ--6 ต.ค.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
บล.ทิสโก้ปรับเป้าดัชนีทางเทคนิคหุ้นไทยสิ้นปี 2560 เป็น 1,750 จุด จากเดิม 1,700 จุด ชี้เดือนพ.ย.-ธ.ค.มีข่าวดีรอเพียบ ทั้งพ.ร.บ.อีอีซีมีผลบังคับใช้ ลุ้นรัฐบาลประกาศวันเลือกตั้งหนุนกองทุนต่างประเทศช้อปหุ้นเพิ่ม แถมเม็ดเงิน LTF จ่อไหลเข้ากว่า 3 หมื่นล้านบาท แนะเริ่มซื้อ LTF ได้แล้วก่อนตกขบวน พร้อมปรับเป้าดัชนีปี 2561 เป็น 1,850 จุด จากเดิมมอง 1,800 จุด
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ (Mr.Viwat Techapoonphol, Deputy Managing Director, Head of Technical Analysis, TISCO Securities Co., Ltd) ฉายภาพรวมตลาดหุ้นไทยในงานสัมมนา TISCO Monthly Guru Updates ว่า บล.ทิสโก้ได้ปรับเป้าหมายทางเทคนิคของดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2560 ขึ้นเป็น 1,750 จุดด้วยระดับ Forward P/E ที่ 16.78 เท่า จากเป้าหมายเดิมที่ 1,700 จุด และประเมินแนวรับใหม่อยู่ที่ 1,660 จุด หลังดัชนีหุ้นไทยเดือนก.ย.ปรับขึ้นแรงจนทำให้ตลาดมั่นใจว่าหุ้นไทยมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นอีก
ทั้งนี้ ปัจจัยบวกหลักที่จะผลักดันตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสที่ 4/2560 มาจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวแรงส่งผลให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจหลายแห่งทยอยปรับเพิ่มเป้าจีดีพีปี 2560 ประกอบกับในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ...จะมีผลบังคับใช้ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนตรงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีจะมีเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยาว (LTF) ไหลเข้าซื้อหุ้นไทยประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ดังนั้น นักลงทุนที่ยังไม่ได้ซื้อ LTF อาจใช้จังหวะที่ดัชนีย่อตัวมาอยู่ที่ระดับ 1,660-1,670 จุด เข้าซื้อหน่วยลงทุน
อย่างไรก็ตาม การประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจนภายในปลายปี 2560 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้หุ้นไทยขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2561 และไปทำจุดสูงสุดของปี 2561 ในช่วงการเลือกตั้งหรือในเดือน ส.ค. 2561 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่สภาพคล่องโลกเริ่มลดลง เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดงบดุลเดือนละ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐมากกว่าแผนการทำ QE ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่คาดว่าจะลดวงเงินลงเป็นเดือนละ 2 หมื่นล้านยูโร
"หากประกาศวันเลือกตั้งได้ในช่วงปลายปี 2560 จะทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงจะทำให้กองทุนต่างประเทศที่ติดเงื่อนไขการลงทุนสามารถเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้ซึ่งปัจจุบันนักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บล.ทิสโก้ปรับเป้าหมายทางเทคนิคหุ้นไทยปี 2561 ขึ้นเป็น 1,850 จุด จากเดิมที่มองว่าจะอยู่ที่ 1,800 จุด" นายวิวัฒน์กล่าว
สำหรับปัจจัยลบที่ต้องจับตาในช่วงต่อจากนี้คือ ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี รวมไปถึง Earning Yield Gap ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบระหว่างผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดว่าจะได้รับจากตลาดหุ้นลบด้วยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี หากปรับขึ้นเกิน 2.40% เป็นสัญญาณเตือนแรกที่กดดันหุ้นทั่วโลกและกรณีที่ปรับตัวขึ้นต่อจนทะลุระดับ 2.50% จะกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลงอย่างมีนัยสำคัญ
นายวิวัฒน์กล่าวว่า ส่วนมุมมองหุ้นต่างประเทศนั้น ประเมินว่าขณะนี้หุ้นทั่วโลกอยู่ในภาวะฟองสบู่ ดัชนีหุ้นในหลายประเทศปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมา สาเหตุหนึ่งเพราะเศรษฐกิจทั้งโลกฟื้นตัวพร้อมกันในรอบ 8 ปี และเศรษฐกิจจีนไม่อยู่ในภาวะ Hard Landing ซึ่งปี 2561 จะเป็นอีกปีหนึ่งที่เศรษฐกิจฟื้นพร้อมกันทั่วโลกกำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต ทำให้คนซื้อหุ้นโดยไม่คำนึงถึงความถูกหรือแพง ภาวะเช่นนี้จะทำให้หุ้นขึ้นแรงและเร็ว
สำหรับราคาทองคาดว่าในระยะสั้นราคาทองจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1,260-1,340 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เนื่องจากคาดว่าในเดือนธ.ค.นี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้ง และตั้งแต่เดือนต.ค.เฟดจะเริ่มปรับลดงบดุลลง แต่ยังมีปัจจัยบวกเรื่องความกังวลของคาบสมุทรเกาหลี ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะพลิกกลับมาแข็งค่า เนื่องจากการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลดำเนินการได้สำเร็จประกอบกับเฟดปรับลดดอกเบี้ยลง ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ที่ 34.2-34.50 บาทดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสที่ 4/2560 ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออก
ขณะที่ราคาน้ำมันซึ่งก่อนหน้านี้ราคาปรับเพิ่มสูงขึ้นจะช่วยหนุนให้กำไรกลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมีของไทยในไตรมาสที่ 3/2560 ปรับเพิ่มขึ้น แต่หลังประกาศผลประกอบการอาจมีแรงขายเพื่อล็อคกำไร จึงแนะนำให้นักลงทุนขายกลุ่มพลังงานในช่วงประกาศผลประกอบการและเข้ามาซื้อหุ้นที่ปรับขึ้นน้อยกว่าตลาดแทน สำหรับหุ้นแนะนำในเดือน ต.ค. บล.ทิสโก้เลือก ASAP, BANPU, BR, ILINK, MCS, QH, ROJNA, TPIPP เป็นหุ้นเด่น
ทั้งนี้ งานสัมมนา TISCO Monthly GURU Updates เป็นหนึ่งในกิจกรรมสัมนาที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือนเพื่อเผยแพร่บทวิเคราะห์และทิศทางการลงทุนเพื่อช่วยให้ลูกค้าทิสโก้และนักลงทุนบรรลุเป้าหมายทางการเงิน ตามกลยุทธ์การเป็นผู้แนะนำการลงทุนชั้นนำ หรือTop Advisory Houseของทิสโก้