กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--SASI PR CONSULTANT
ซีโอแอล-COL สบช่องตลาดออนไลน์โตฉุดไม่อยู่ เปิดตัว สตาร์ทอัพ START UP สัญชาติไทย เมพ คอร์ปอเรชั่น-MEB Corporation ขึ้นแท่นผู้นำตลาด E-book Marketplace ล่าสุด เสริมทัพความแกร่งรับไตรมาส 4 จับมือพันธมิตรธุรกิจ ไฮเท็คซ์-Hytexts.com ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น E-Reader ที่ตอบโจทย์ผู้อ่านครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย พร้อมเปิดตัว ธุรกิจใหม่ พิกซีพี-PIXIPE ครีเอทีฟมาร์เก็ตเพลส ชวนนักออกแบบ-ดีไซน์เนอร์ สร้างสรรค์ผลงานสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจโดยไม่ต้องหาแหล่งเงินทุน มั่นใจสิ้นปีปิดยอดขาย (GMV-Gross merchandise value) 400 ล้านบาท (ยอดรวม MEB+PIXIPE)
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกลยุทธ์การทำตลาดของซีโอแอล และธุรกิจในเครือว่า ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายเป็นต้นไปจะเดินหน้าโฟกัสไปที่การเป็น ออมนิแชนเนล Omni Channel โดยผนึกกำลังกับธุรกิจการค้าในช่องทางปกติร่วมกับช่องทางออนไลน์แบบไร้รอยต่อโดยที่ผ่านมาเราก็ได้รุกตลาด E-marketplace ด้วยการเปิดตัว เมพ คอร์ปอเรชั่น-MEB Corporation เมื่อ 6 ปีก่อน เพื่อทำแอฟพลิเคชั่นขายหนังสือออนไลน์ โดยตอนนี้ธุรกิจ เมพ- MEB ก็ได้กลายเป็นสตาร์ทอัพที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งสอดคล้องกับเทรนด์ออนไลน์ที่เติบโตทั่วโลก
ทั้งนี้จากกลยุทธ์ดังกล่าวของบริษัท ซีโอแอล-COL มั่นใจว่า ยอดขายในปี 2561 จะเติบโตกว่า 13,000 ล้านบาท หรือโต 10 เปอร์เซนต์ จากปัจจุบันที่มียอดขายราว 12,000 ล้านบาท หรือเติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ย 7-8 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจออนไลน์ รวมทั้งจาก เมพ คอร์ปอเรชั่น-Meb Corporation ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ยอดขายส่วนใหญ่ก็ยังมาจากสองธุรกิจหลัก คือ ออฟฟิศเมท (OfficeMate) และ บีทูเอส (B2S) ที่ต้องมีการปรับตัวรุกตลาดต่างประเทศและตลาดออนไลน์มากขึ้นเช่นกัน นายวรวุฒิกล่าวเสริม
นายรวิวร มะหะสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า นับจากที่เมพ-MEB ได้เปิดตัวมากว่า 6 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 ยอดขายของบริษัทได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดทุกปี สอดคล้องกับกระแสการเติบโตของโลกออนไลน์ ที่ในปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมทำธุรกิจ ซื้อ-ขายสินค้า หรือแม้กระทั่งอ่านหนังสือบนโลกออนไลน์มากขึ้น ซึ่งทำให้บริษัท เมพ-คอร์ปอเรชั่น MEB Corporation ที่ทำธุรกิจ ร้าน E-book สะดวกซื้อสัญชาติไทย และเป็นหนึ่งผู้บุกเบิกธุรกิจรายแรกๆ ที่อยู่บนแอพพลิเคชั่นขายหนังสือออนไลน์ และขึ้นแท่นธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีอนาคตไกล ซึ่งปัจจุบัน เมพ-MEB เป็นแอพพลิเคชั่นของคนไทยที่ทำรายได้สูงสุดใน App Store ประเทศไทย และมียอดขายอันดับ1 ในหมวดหนังสือ Book ของ App Store ในประเทศไทยติดต่อกันกว่า 2 ปี ทั้งยังเคยติดอันดับ 1 หมวด Book มาแล้วอีกกว่า 34 ประเทศทั่วโลก อาทิ ออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยี่ยม เยอรมนี ฟินแลนด์ อิตาลี ฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์ ฯลฯ และมียอดขายเติบโตต่อเนื่องนับจากก่อตั้งบริษัท ทั้งนี้ในปี 2559 ที่ผ่านมา เมพ-คอร์ปอเรชั่น MEB Corporation สามารถพิชิตยอดขายได้ถึง 267 ล้านบาท มั่นใจว่าจากกระแสการเติบโตของโลกออนไลน์ในปัจจุบันที่มีมาอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้ เมพ-MEB เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต และคาดว่าปิดไตรมาสสุดท้ายจะมียอดขาย (GMV) รวมทุกประเภทไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท อย่างแน่นอน
นายรวิวร ได้เปิดเผยถึงปัจจัยที่ทำให้ เมพ-MEB ประสบความสำเร็จ และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่น่าจับตามองที่สุดในชั่วโมงนี้ มาจากกระแสการเติบโตของโลกออนไลน์ และตลาด E-book ในไทยที่ยังมีช่องว่างที่จะเติบโตอีกมาก จากพฤติกรรมนักอ่านที่นิยมอ่านหนังสือจากสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์มากขึ้น สอดรับกับความสะดวกสบายจากวิธีการชำระเงินในรูปแบบต่างๆที่ไม่จำกัดแค่บัตรเครดิต แต่รวมไปถึงการชำระทางบัตรเดบิต เงินโอน และเคาน์เตอร์เซอร์วิส อีกทั้งการพัฒนาระบบที่สามารถรองรับการใช้งานของทุกกลุ่มนักอ่าน ทุกเพศ ทุกวัย ผนวกกับการพัฒนาแอพพลิเคชั่นและเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง เรามั่นใจธุรกิจ E-book จะเติบโตอย่างมั่นคง เฉลี่ย 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปีได้อย่างไม่ยาก
นอกจากนี้ เมพ-MEB ยังเป็นที่รวบรวมหนังสือทุกแนวให้เลือกตามความต้องการกว่า 60,000 เล่ม และคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีกว่า 70,000 เล่มจากหลากหลายสำนักพิมพ์ เรียกได้ว่าครอบคลุมกว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ของสำนักพิมพ์ที่ส่วนใหญ่ในประเทศไทยทั้งหมดมาไว้ที่เรา นอกจากนี้เรายังได้รวบรวมผลงานของนักเขียนชื่อดัง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน มานำเสนอในรูปแบบ E-book เพื่อตอบสนองความต้องการของนักอ่านที่หลากหลาย ทั้งวรรณกรรม นวนิยาย สารคดี ท่องเที่ยว บทเรียน ปรัชญา แนวคิด การ์ตูน นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ ฯลฯ จึงมั่นใจว่า เมพ-MEB จะสามารถตอบสองทุกความต้องการของนักอ่านบนโลกออนไลน์ได้อย่างครบถ้วน เรียกได้ว่าเป็น ตัวจริงในธุรกิจ E-book ที่ยากที่ใครจะตามทัน และเพื่อตอบสนองความต้องการของนักอ่านอย่างไม่หยุดยั้ง เมพ-MEB ตั้งใจที่จะเพิ่มจำนวน E-book ให้ได้ถึง 100,000 เล่ม ภายในสามปี หรือภายในสิ้นปี 2563 นี้
ทั้งนี้ เมพ-MEB ยังมองอีกว่า ยังมีโอกาสที่จะขยายกลุ่มลูกค้าที่นิยม E-book จากปัจจุบันได้อีกมาก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงวัย 20-40 ปี คาดการณ์ว่า ในอนาคตอันใกล้จะมีแนวโน้มที่กลุ่มลูกค้าจะมีช่วงอายุที่กว้างขึ้น ตั้งแต่วัยเด็ก จนถึงวัยผู้ใหญ่ ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีและเพื่อตอบสนองนักอ่านให้ได้เพลิดเพลินกับการอ่าน E-book อย่างไร้ขีดจำกัด เมพ คอร์ปอเรชั่น - MEB Corporation จึงได้ผนึกกำลังกับ ไฮเท็คซ์-Hytexts.com ร่วมกันขยายตลาด E-Reader เพื่อตอบสนองความต้องการของนักอ่าน ให้สนุกและเพลิดเพลินกับการอ่าน E-book มากขึ้น ซึ่งการอ่านผ่าน E-Reader จะให้ความรู้สึกเหมือนการอ่านบนกระดาษจริงๆ และยังช่วยถนอมสายตาผู้อ่านได้อีกด้วย ทั้งนี้ผู้อ่านยังสามารถเลือกรูปแบบอักษร ขยายขนาด และปรับพื้นหลังได้ตามใจ ทั้งยังช่วยถนอมสายตาผู้อ่านได้อีกด้วย ซึ่งการจับมือกับ ไฮเท็คซ์-Hytexts.com ครั้งนี้จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้ เมพ-MEB ครองแชมป์เป็นแอพพลิเคชั่น E-book อันดับหนึ่งของเมืองไทย และเจาะกลุ่มผู้อ่านได้มากขึ้น โดยในส่วนของ ไฮเท็คซ์-Hytexts.com เองก็จะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นจากการที่ เมพ-MEB มีหนังสือให้เลือกอย่างมากมายรองรับความต้องการของนักอ่านได้อย่างทั่วถึง
ล่าสุด เมพ-MEB พร้อมเดินหน้าขึ้นแท่นการเป็นผู้นำธุรกิจบนโลกออนไลน์ โดยแตกไลน์จากธุรกิจ E-Book สู่การเปิดช่องทางการทำธุรกิจให้กับ ครีเอทีฟ และดีไซน์เนอร์ บนพื้นที่ของ พิกซีพี-PIXIPE ครีเอทีฟ มาร์เก็ตเพลส ให้เป็นพื้นที่ในการนำผลงานสร้างสรรค์มาผลิตเป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ โดยที่ไม่ต้องลงทุนใด ๆ เพียงแค่มาปล่อยความคิดที่ พิกซีพี-PIXIPE แล้ว พิกซีพี-PIXIPE จะเป็นผู้สานฝัน ช่วยต่อยอดธุรกิจให้ตั้งแต่นำไอเดีย มาขึ้นชิ้นงาน และเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ โดยผู้สร้างสรรค์ผลงานจะได้รับส่วนแบ่งจากการขายสินค้าได้ โดยไม่ต้องลงทุนเองแต่อย่างใด
"กลุ่มธุรกิจใหม่นี้ เรียกได้ว่า จะเป็นตัวช่วยชั้นยอดให้กับครีเอทเตอร์-ดีไซน์เนอร์ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เพียงแค่คุณมีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการก็สามารถ ปล่อยของกับเรา แล้วทุกอย่างที่เป็นเรื่องของธุรกิจเราพร้อมจัดการให้ รวมไปถึงการแบ่งส่วนแบ่งรายได้ที่เป็นธรรม ที่จะช่วยสร้างกำลังใจให้นักออกแบบไม่หยุดยั้งที่จะนำเสนอไอเดียใหม่ๆ ออกมาสู่สาธารณะต่อไป" นายรวิวร กล่าว
ทั้งนี้ พิกซีพี-PIXIPE จะเป็นอีกหนึ่งความหวังของธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยหลังจากที่พิกซีพี-PIXIPE ได้เปิดตัวทดลองตลาดมาแล้วกว่า 3 เดือน ได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งนักออกแบบ ครีเอทเตอร์-ดีไซน์เนอร์ ที่มาร่วมสร้างสรรค์ผลงาน เพื่อนำสินค้าขึ้นมาวางจำหน่าย โดยปัจจุบันมี ครีเอทเตอร์ –ดีไซน์เนอร์ กว่า 200 ราย เป็นสมาชิกร่วมออกแบบผลงานสร้างสรรค์ของตัวเอง และมีสินค้ากว่า 5,000 ชนิดสินค้า อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า ของตกแต่งบ้าน สินค้าแฟชั่น และไลฟ์ไตล์ วางจำหน่ายแล้วบนเว็บไซด์ของเรา
ทั้งนี้ ในปีหน้าคาดว่าจะมี ครีเอทเตอร์–ดีไซน์เนอร์ หรือนักสร้างสรรค์มาร่วมงานกับเรากว่า 1,000 ราย และจะสามารถผลิตเป็นสินค้าเพื่อจัดจำหน่ายมากกว่า 20,000 ชนิดสินค้า และพิกซีพี-PIXIPE จะเปิดคอนเนอร์ให้บริการในร้านบีทูเอสกว่า 30 สาขาทั่วประเทศ
นายวรวุฒิกล่าวปิดท้าย จากความตั้งใจจริงของ เมพ-MEB ภายใต้การดูแลของ บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้บุกเบิกธุรกิจออนไลน์มากว่าทศวรรษจนกลายเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการธุรกิจและนำกลยุทธ์ออมนิแชนแนลมาใช้เป็นรายแรก ๆ ของประเทศไทย เรามั่นใจว่า เมพ- MEB ร้าน E-book สะดวกซื้อสัญชาติไทย จะเป็นสตาร์ทอัพที่มีอนาคตไกลซึ่งจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งนับจากนี้ และพร้อมจะที่นำพาธุรกิจในกลุ่มอย่าง พิกซีพี-PIXIPE ครีเอทีฟ มาร์เก็ตเพลส รวมถึงการเป็นพันธมิตรกับ Hytexts.com ผู้นำด้านการพัฒนาแอพพลิเคชั่น E-Reader ให้เติบโตไปพร้อมกันในไตรมาสสุดท้ายและปีถัดไปผ่านกลยุทธ์ที่เราวางไว้ในช่องทางการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ที่น่าจับตามอง แบบออมนิแชนแนล และออมนิโลจิสติกส์อย่างเต็มรูปแบบ