กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--ปตท.
ราคาน้ำมันเฉลี่ยรายสัปดาห์ลดลงทุกชนิด โดยน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ลดลง 1.80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 56.11 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัสฯ (WTI) ลดลง 1.68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 50.21 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบดูไบ (Dubai) ลดลง 0.82 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 54.65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ลดลง 1.69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 68.98 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 68.01 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- Energy Information Administration (EIA) ของสหรัฐฯ รายงาน ณ สัปดาห์สิ้นสุด 29 ก.ย. 60 ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 140,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 9.56 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดตั้งแต่ ก.ค. 2558 และส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 490,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 1.98 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า
- Reuters รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศ OPEC (14 ประเทศ) ในเดือน ก.ย. 60 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 50,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 32.86 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในส่วนของระดับความร่วมมือ (OPEC-11) ตามข้อตกลงควบคุมการผลิต (Compliance Rate) ลดลงจากเดือนก่อน 3% มาอยู่ที่ 86%
- บริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย (National Oil Corp.: NOC) ประกาศยกเลิกเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) การส่งมอบน้ำมันดิบจากแหล่ง Sharara (กำลังการผลิต 300,000 บาร์เรลต่อวัน) ที่กลับมาดำเนินการ เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 60 อนึ่งก่อนการประท้วงแหล่ง Sharara ผลิตอยู่ที่ระดับ 230,000 บาร์เรลต่อวัน
- กระทรวงน้ำมันของอิรักรายงานปริมาณส่งออกน้ำมันดิบ เดือน ก.ย. 60 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 20,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 3.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน (จากแหล่งผลิตน้ำมันทางตอนใต้ของอิรัก)
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- Baker Hughes Inc. รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบ (Rig) ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ต.ค.60 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 2 แท่น มาอยู่ที่ 748 แท่น
- บริษัทน้ำมันหลายบริษัทในบริเวณอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ ประกาศอพยพพนักงานออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและแท่นผลิต เพื่อเตรียมรับการขึ้นฝั่งของพายุโซนร้อน (Tropical Storm) Nate ทั้งนี้ ณ. วันที่ 8 ต.ค. 60 แท่นผลิตน้ำมันดิบปิดดำเนินการ 298 แท่น คิดเป็นปริมาณ 1.62 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 92.5% ของอ่าวเม็กซิโก
- กษัตริย์ Salman ของซาอุดีอาระเบียกล่าวระหว่างการเยือนรัสเซียว่าซาอุดีอาระเบียสามารถ "ยืดหยุ่น" หากรัสเซียจะพิจารณาขยายระยะเวลามาตรการลดกำลังการผลิต ไปจนสิ้นสุดปี พ.ศ. 2561 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในช่วงไตรมาส 1/61
- EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 29 ก.ย. 60 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 6.0 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 465.0 ล้านบาร์เรล
- กระทรวงพลังงานรัสเซียรายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในประเทศ เดือน ก.ย. 60 ลดลงจากเดือนก่อน 390,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ระดับ 10.91 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Sakhalin-1 ปิดซ่อมบำรุงในเดือน ก.ย. 60 ขณะที่ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบทางท่อ เดือน ก.ย. 60 ลดลงจากเดือนก่อน 40,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ระดับ 4.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- Commodity Futures Trading Commission (CFTC) รายงานสถานะการลงทุนในสัญญาน้ำมันดิบ WTI ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า NYMEX ที่นิวยอร์กและ ICE ที่ลอนดอน กลุ่มผู้จัดการกองทุนปรับสถานะถือครองสุทธิ (Net Long Position) สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ต.ค. 60 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 3,211 สัญญา มาอยู่ที่ 288,766 สัญญา
แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงหลังประธานาธิบดีรัสเซีย นาย Vladimir Putin ระบุว่าการตัดสินใจเกี่ยวกับการขยายเวลามาตรการลดปริมาณการผลิตน้ำมันถึงสิ้นปี พ.ศ. 2561 ต้องขึ้นกับภาวะตลาดในขณะนั้น ทำให้ผู้ค้าเห็นว่าผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ 2 ประเทศ คือ ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการจำกัดปริมาณการผลิต ประกอบกับ Energy Information Administration (EIA) ของสหรัฐฯ รายงานปริมาณการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯอยู่ในระดับสูง อีกทั้งผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ มีแนวโน้มผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น เพราะผู้ผลิตใช้จังหวะที่ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นสัปดาห์ก่อนเพิ่มการ Hedging ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า อย่างไรก็ดีนาย Mohammad Barkindo, OPEC Secretary-General ระบุว่า OPEC เห็นว่ามาตรการลดปริมาณการผลิตน้ำมันสามารถปรับสมดุลในตลาดได้ และ OPEC กำลังพิจารณามาตรการเพิ่มเติมเพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดในระยะยาว ทั้งยังเห็นว่าอุปสงค์น้ำมันของโลกมีแนวโน้มแข็งแกร่ง ให้ติดตามท่าทีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Donald Trump ซึ่งเตรียมประกาศจุดยืนต่อโครงการนิวเคลียร์และการสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายของอิหร่าน ซึ่งกองกำลังพิทักษ์อิหร่าน หรือ Revolutionary Guard ระบุว่าหากสหรัฐฯ กลับมาคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง อิหร่านจะไม่ให้ความร่วมมือในการเจรจาอีกต่อไป แต่อิหร่านจะใช้ขีปนาวุธระยะไกลทำลายฐานทัพสหรัฐฯ ที่อยู่ในรัศมี 2,000 ก.ม. ทันที ด้านความเคลื่อนไหวล่าสุดในเกาหลีเหนือ สำนักข่าว RIA ของรัสเซียรายงานว่าเกาหลีเหนือมีแผนทดลองขีปนาวุธพิสัยไกลที่ยิงถึงชายฝั่งด้านตะวันตกของสหรัฐฯ และ ผู้นำสูงสุดนาย Kim Jong Un แต่งตั้งน้องสาวนาง Kim Yo Jong เป็นหนึ่งในกรรมการกรมการเมือง (Poliburo) ซึ่งถือว่าเป็นการแต่งตั้งทายาททางการเมือง ด้านประธานาธิบดี Trump เห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือ บ่งชี้ผู้นำสหรัฐฯ ให้น้ำหนักกับการใช้กำลังทหารเพิ่มขึ้น ทางด้านเทคนิคในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดิบ ICE Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 55.0-58.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบ NYMEX WTI อยู่ในกรอบ 49.0-52.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบ Dubai จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 53.5-56.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สถานการณ์ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาเฉลี่ยน้ำมันเบนซินลดลงจากบริษัท Korea National Oil Corp. (KNOC) รายงานความต้องการใช้น้ำมันเบนซินของเกาหลีใต้ ในเดือน ส.ค. 60 ลดลงจากปีก่อน 8.7% มาอยู่ที่ 7.12 ล้านบาร์เรล ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน เนื่องจากฝนตกหนัก ส่งผลให้การขับขี่รถยนต์ลดลง และEuropean Automobile Manufacturers Association (ACEA) รายงานยอดขายรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (Electrical Vehicle-EV) ในยุโรปครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2560 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 37% (คิดเป็น 1.3% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด) ส่วนรถยนต์ระบบขับเคลื่อนไฮบริด (Hybrid Electrical Vehicle-EV) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 58% (คิดเป็น 2.6% ของยอดขายทั้งหมด) ประกอบกับ International Enterprise Singapore (IES) รายงานปริมาณสำรอง Light Distillates เชิงพาณิชย์ในสิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุด 4 ต.ค. 60 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 900,000 บาร์เรล อยู่ที่ 11.89 ล้านบาร์เรล สูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ และ EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 ก.ย. 60 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 1.6 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 218.9 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามผู้ค้าน้ำมันคาดอุปสงค์น้ำมันเบนซินของจีนแข็งแกร่งจากความต้องการใช้ช่วงวันหยุด Golden Week ขณะที่ Petroleum Planning and Analysis Cell (PPAC) ของอินเดียรายงานปริมาณส่งออกน้ำมันเบนซิน ในเดือน ส.ค. 60 ลดลงจากเดือนก่อน 15.9 % (และลดลงจากปีก่อน 8.6 %) อยู่ที่ 9.0 ล้านบาร์เรล ทางด้านเทคนิคในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันเบนซิน จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 68.5-71.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซลลดลงจาก Reuters รายงานรัสเซียส่งออกน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ (Ultra-low Sulphur Diesel) จากท่า Primorsk ในทะเล Baltic ในเดือน ต.ค. 60 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 11% อยู่ที่ 6.5 ล้านบาร์เรล และ โรงกลั่น Port Arthur ของบริษัท Total ที่มลรัฐเท็กซัส ในสหรัฐฯ เตรียมความพร้อมเดินเครื่องหน่วย Reformer (กำลังการกลั่น 35,000 บาร์เรลต่อวัน) หลังปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. 60 เพราะเหตุอุทกภัยที่เกิดจากพายุ Harvey อีกทั้ง Japan Meteorological Association ของญี่ปุ่นคาดการณ์สภาพภูมิอากาศช่วงฤดูหนาวใน Hokkaido, Tohoku, และ Hokuriku ในปี พ.ศ. 2560 นี้ มีโอกาส 40 % ที่จะอบอุ่นกว่าระดับเฉลี่ย ด้านปริมาณสำรองน้ำมัน IES รายงานปริมาณสำรอง Middle Distillates เชิงพาณิชย์ในสิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุด 4 ต.ค. 60 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 200,000 บาร์เรล อยู่ที่ 10.68 ล้านบาร์เรล สูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม Platts รายงาน Arbitrage น้ำมันดีเซล จากภูมิภาคเอเชีย และตะวันออกกลาง ไปยังตะวันตกเปิด ขณะที่ Arbitrage Jet Fuel จากเอเชียไปยังสหรัฐฯ ฝั่งตะวันตก (USWC) เปิดเช่นกัน และโรงกลั่นน้ำมัน Mizushima-A ในญี่ปุ่น ของ JXTG Nippon Oil & Energy Corp. มีแผนหยุดดำเนินการเพื่อซ่อมบำรุง Crude Distillation Unit (CDU) No. 3 (กำลังการกลั่น 140,000 บาร์เรลต่อวัน) ตั้งแต่ต้น ต.ค. 60 จนถึงปลายเดือน และ โรงกลั่นน้ำมัน Chiba (กำลังการกลั่น 177,000 บาร์เรลต่อวัน) ของบริษัท Cosmo Oil ปิดซ่อมบำรุง CDU No. 1 (กำลังการกลั่น 75,000 บาร์เรลต่อวัน) เป็นเวลา 1 เดือนครึ่ง ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 60 ประกอบกับ EIA รายงานปริมาณสำรอง Distillates เชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 ก.ย. 60 ลดลง จากสัปดาห์ก่อน 2.6 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 135.4 ล้านบาร์เรล ทางด้านเทคนิคในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดีเซล จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 67.5-70.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล