กรุงเทพฯ--10 ต.ค.--บัตรกรุงไทย
เคทีซีส่งอาวุธหลักลงสนามการเงิน โมบายแอพฯ "TapKTC" ที่มาพร้อมลุคใหม่ เน้นตอบโจทย์ผู้ใช้และสมาชิกกว่า 3 ล้านบัญชี ให้ได้รับประสบการณ์ที่ดี (Customer Experience) ด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัย พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ง่าย สบายตากับฟีเจอร์จำเป็นที่เลือกได้เอง และระบบการล็อคอินเข้าใช้งานที่ปลอดภัยครบถ้วนเหนือใคร ด้วยการใช้ลายนิ้วมือและสแกนม่านตาตามมาตรฐานซัมซุง พาส (Samsung Pass) ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และที่ 3 ของโลก
นายธศพงษ์ รังควร ผู้อำนวยการ – ธุรกิจบัตรเครดิต "เคทีซี" หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เคทีซีได้ปรับโฉมโมบาย แอพพลิเคชัน "TapKTC" ใหม่ เพื่อรองรับกับเทรนด์ของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับไว ชู 3 เรื่องหลัก คือ ใช้ง่าย เสถียร และปลอดภัย ด้วยการเพิ่มฟังก์ชันใช้งานที่ตอบโจทย์สมาชิกทั่วประเทศให้ได้รับประสบการณ์ที่ดี (Customer Experience) ซึ่งนอกจากจะมีการดีไซน์ที่ทันสมัยแล้ว ยังเน้นการ ใช้งานที่สะดวกและสบายตากับฟีเจอร์จำเป็นที่สมาชิกเลือกได้เอง"
"เคทีซียังเพิ่มความปลอดภัยระดับสูงสุดให้สมาชิกมั่นใจมากยิ่งขึ้น ด้วยทางเลือกในการยืนยันตัวตนหรือ อัตลักษณ์ (Biometrics) นอกเหนือจากการใช้รหัส (Pin) ที่เพิ่มความปลอดภัยด้วยแป้นพิมพ์ไดนามิค (Dynamic Keyboard) ในการล็อคอินเข้าใช้บริการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำรายการธุรกรรมการเงินผ่านโมบาย แอพฯ "TapKTC" ทั้งการสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint) และใหม่ล่าสุดกับเทคโนโลยีการสแกนม่านตา (Iris) กับบริการซัมซุง พาส (Samsung Pass) ซึ่งเคทีซีนับเป็นสถาบันการเงิน รายแรกและรายเดียวของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และที่ 3 ของโลกที่เริ่มใช้เทคโนโลยีนี้ โดยความร่วมมือกับซัมซุง ซึ่งผู้ใช้สมาร์ทโฟนซัมซุง แกแล็คซี่ (Samsung Galaxy) ที่มีอินฟราเรด สแกนม่านตา เช่น S8 / S8+ และ Note 8 สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยที่ข้อมูลทางชีวภาพของสมาชิกจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยที่คลาวด์ (Cloud) ในชื่อ FIDO (Fast Identity Online) ไม่เก็บที่อุปกรณ์สมาร์ทโฟน (Devices) ต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยการ Log in เข้าใช้บริการ TapKTC ด้วย การสแกนม่านตา (Iris) กับบริการซัมซุง พาส (Samsung Pass) นั้น ปัจจุบันได้อยู่ในการทดลองให้บริการ Regulatory Sandbox ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย และนับจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2560 ต่อเนื่องถึงปี 2561 "TapKTC" จะเป็นช่องทางสำคัญในการทำกิจกรรมการตลาดเชิงรุกเข้าถึงสมาชิกที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งเราเชื่อว่า "TapKTC" เป็นโมบายแอพพลิเคชันที่ดีที่สุดของวงการบัตรเครดิตในขณะนี้"
นายปริญญา อรรถพรมงคล ผู้จัดการอาวุโส – ธุรกิจบัตรเครดิต "เคทีซี" กล่าวถึงจุดเด่นของฟังก์ชันการใช้งานใน "TapKTC" ว่า "เคทีซีได้เพิ่มฟีเจอร์สำคัญและจำเป็นที่สมาชิกสามารถทราบข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับบัญชีส่วนตัวได้กับลุคใหม่ที่ใช้งานง่ายและสะดวกใน My Account สามารถดูข้อมูลได้ในที่เดียว ไม่ว่าจะมีบัตรเคทีซีกี่ใบ ทั้งบัญชีบัตรหรือเช็คคะแนนสะสม การแสดงยอดเงินรวมของบัตรทุกใบที่ใช้ และวงเงินรวมคงเหลือของบัตรทุกใบ การบริหารจัดการข้อมูลที่เลือกได้เอง อาทิ การตั้งค่าแจ้งเตือนรายการเมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตรโดยสามารถกำหนดยอดเงินให้ระบบแจ้งเตือน / การตั้งค่าแจ้งเตือนกำหนดชำระค่าใช้จ่ายล่วงหน้า / การอายัติบัตรชั่วคราวเมื่อสูญหาย / การกำหนดยอดการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงยังสามารถสมัครหรือปรับเปลี่ยนวิธีการรับใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง"
"นอกจากนี้ ยังสามารถใช้คะแนนสะสมแลกสินค้าและบริการได้เอง ไม่ว่าจะเป็นไมล์สะสมรอยัล ออร์คิด พลัส / แอร์ เอเชีย / ฟลายเออร์ โบนัส ของบางกอก แอร์เวยส์ / การแลกรับเงินคืน (Cash back) หรือการบริจาค / การโอนคะแนนสะสมระหว่างบัตรได้ง่ายๆ โดยไม่จำกัดคะแนนขั้นต่ำในการโอน / การบริหารค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนให้คล่องตัวขึ้นด้วย KTC FLEXI บริการแบ่งชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรเคทีซี โดยเลือกทำรายการเองได้ทันใจผ่านบริการออนไลน์ / การเบิกถอนเงินสดออนไลน์ทันทีได้ทุกที่ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านบัตรเครดิตเคทีซี หรือบัตรสินเชื่อพร้อมใช้ "เคทีซี พราว" โดยเงินจะโอนเข้าบัญชีเงินฝากที่มีกับธนาคารกรุงไทย"
นางสาวเรือนแก้ว เกษมสวัสดิ์ศรี ผู้จัดการอาวุโส – บริหารจัดการข้อมูลลูกค้า "เคทีซี" กล่าวถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีกับสมาชิกผ่าน TapKTC ว่า "เคทีซีได้พัฒนาแอพพลิเคชันที่ตอบโจทย์และมีคุณค่ากับสมาชิกอย่างแท้จริง เน้นให้ทุกฟังก์ชันมีประโยชน์ สะดวก และไม่เป็นภาระกับผู้ใช้งาน ตามแนวคิดใหม่ของแบรนด์ เคทีซี "ทำให้ง่ายและเข้าใจง่าย" (Smart Simplicity) โดยมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีกับสมาชิก (CX-Customer Experience) ผ่าน 3 แกนหลัก คือ1. Smart Design ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ทันสมัย เรียบง่ายและสบายตา เมนูการใช้งานอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม สมาชิกสามารถพบข้อมูลและฟังค์ชันที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว และเลือกใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย 2. Smart Process เน้นให้สมาชิกใช้เวลาทุกขั้นตอนบนแอพพลิเคชันให้น้อยที่สุด ตัดกระบวนการที่ยุ่งยาก (Customer Pain Points) และไม่จำเป็นออก เช่น การลงทะเบียน ที่ปรับให้เหลือแค่การกรอกข้อมูลเพียง 2 ฟิลด์ หรือหน้า My account ที่สมาชิกไม่จำเป็นต้องเพิ่มข้อมูลบัญชี ข้อมูลทุกผลิตภัณฑ์ของเคทีซีจะแสดงอัตโนมัติหลังลงทะเบียนเสร็จ โดยในทุกฟังค์ชันบนแอพพลิเคชัน สมาชิกจะสามารถทำสำเร็จโดยการกด (Tap) เพียงไม่กี่ครั้ง 3. Smart Move ใช้หลักการ Business Agility คือ ปรับเปลี่ยนและอัพเดทแอพพลิเคชันอย่างสม่ำเสมอ รวดเร็ว และต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานใหม่ๆ เป็นระยะ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของสมาชิกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ให้สมาชิกได้รับประสบการณ์ที่ดี และเกิดความประทับใจในระยะยาว"
"เราหวังว่าโมบาย แอพพลิเคชัน "TapKTC" โฉมใหม่นี้ จะเป็นเสมือนเพื่อนคู่กาย ที่เชื่อมโยงเคทีซีกับสมาชิกเข้าไว้ด้วยกัน โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านราย ภายในปี 2561" นายธศพงษ์กล่าวทิ้งท้าย