กรุงเทพฯ--12 ม.ค.--ปตท.
ปตท. ร่วมกับ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา และไทยออยล์ เดินหน้า โครงการ “แก๊สโซฮอล์” จำหน่ายให้ประชาชน เริ่ม 11 ม.ค. นี้ ที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สำนักงานใหญ่
ราคาถูกกว่าเบนซินออกเทน 95 ลิตรละ 50 สตางค์ มีคุณภาพเท่ากับเบนซินออกเทน 95 พร้อมรับประกันคุณภาพ ไม่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์แต่อย่างใด เมื่อวานนี้ (11 มกราคม 2544) ที่สถานีบริการ ปตท. สำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต ได้มีพิธีเปิด “โครงการจำหน่าย แก๊สโซฮอล์ เพื่อประชาชน ซึ่ง เป็นความร่วมมือระหว่าง โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา บริษัทไทยออยล์ จำกัด และ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) โดย นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง เป็นประธานพิธีเปิด ฯ ร่วมด้วย นายมนู เลียวไพโรจน์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติ นายอดุลย์ วินัยแพทย์ อธิบดีกรมทะเบียนการค้านายจุลจิตต์ บุณยเกตุ กรรมการอำนวยการ บริษัทไทยออยล์ จำกัด และ นายวิเศษ จูภิบาล ผู้ว่าการ ปตท.
นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง กล่าวว่า โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ได้เริ่มดำเนินโครงการ “แก๊สโซฮอล์” เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ 2528 ซึ่งสืบเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงสนพระทัยและมีพระราชกระแสรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ในโครงการวิจัยของโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ทำการศึกษา วิจัย การผลิตแอลกอฮอล์จากอ้อย เพื่อเป็นพลังงานทดแทน โดยได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารหอกลั่นและระบบการผลิตแอลกอฮอล์ที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เพื่อใช้ในการผลิตแก๊สโซฮอล์ สำหรับเป็นเชื้อเพลิงของรถยนต์ โดยได้รับการสนับสนุนจากการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ในการจัดสร้างสถานีบริการแก๊สโซฮอล์ ถังผสม และถังเก็บก๊าซโซฮอล์ รถยนต์ทดสอบเครื่องยนต์ ตลอดจนร่วมกับสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. ศึกษาและพัฒนา สูตร “แก๊สโซฮอล์” ต่างๆ ให้สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ เพื่อเป็นพลังงานทดแทนได้อย่างแท้จริง ตามพระราชดำริทางด้าน นายวิเศษ จูภิบาล ผู้ว่าการ ปตท. กล่าวว่า ปตท. ได้ดำเนินโครงการ “แก๊สโซฮอล์” โดยร่วมกับโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา อย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2539 และได้มีการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพของแอลกอฮอล์ เพื่อให้รถยนต์สามารถที่จะใช้แก๊สโซฮอล์เป็นเชื้อเพลิงได้อย่างไม่มีปัญหา จากการทดสอบและติดตามผล ของสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. พบว่า น้ำมันเชื้อเพลิงผสมแอลกอฮอล์ สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ได้ และยังพบว่ามีแนวโน้มในการช่วยลดปริมาณสารมลพิษบางอย่างในไอเสียอีกด้วย ซึ่งปัจจุบัน ปตท. ได้สร้างสถานีบริการ สำหรับเติม “แก๊สโซฮอล์” ที่สวนจิตรลดา สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในโครงการส่วนพระองค์ ยังไม่มีการเปิดจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป ต่อมาเมื่อประเทศไทยประสพปัญหาในเรื่องของวิกฤตราคาน้ำมัน ในปี 2543 กระแสในเรื่องของ พลังงานทดแทน ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในการแก้ปัญหาเรื่องราคาน้ำมันแพงประกอบกับ กระแสพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมา ทรงมีรับสั่งเรื่องของ โครงการ “แก๊สโซฮอล์” ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งในการใช้เป็นพลังงานทดแทน ขณะเดียวกันก็สามารถบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเนื่องจากภาวะราคาพืชผลแปรปรวน ดังนั้น เพื่อเป็นการสนองพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ประกอบกับ เพื่อมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในเรื่องของการแก้ปัญหาราคาน้ำมัน ปตท. จึงร่วมกับ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา และบริษัทไทยออยล์ จำกัด ในการจำหน่าย “แก๊สโซฮอล์” ให้กับประชาชนทั่วไป โดย ปตท. ได้นำเอทธิลแอลกอฮอล์ 99.5% จากโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ไปผลิตแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 (สีเหลือง) โดยมีเอทธิลแอลกอฮอล์ 99.5% ผสมอยู่ร้อยละ 10 ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานของกระทรวงพาณิชย์สำหรับแผนการจำหน่ายนั้น ในเบื้องต้น ปตท. จะเปิดจำหน่ายที่สถานีบริการ ปตท.สำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต ก่อน โดยจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าเบนซินออกเทน 95 เท่ากับ 50 สตางค์ต่อลิตร เพื่อเป็นแรงจูงใจและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องของราคาน้ำมัน อีกทั้งยังเป็นทางเลือกใหม่ในการใช้พลังงานของประชาชน และ ปตท. จะพิจารณาขยายจุดจ่ายต่อไปเพิ่มขึ้นอีก 2 จุด ในอนาคต คือ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สนามเป้า และ ดอนเมือง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณการจัดหาแอลกอฮอล์ในการนำมาผลิต“ประชาชนทั่วไป สามารถใช้บริการเติม “แก๊สโซฮอล์” ได้ ที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท.สำนักงานใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม ศก นี้เป็นต้นไป และ ขอรับรองว่า ในการเติมน้ำมันดังกล่าวผู้ใช้รถยนต์ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอุปกรณ์แต่อย่างใด ซึ่งจากการศึกษาล่าสุดโดยสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. พบว่า การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงผสมแอลกอฮอล์ (เอทธิลแอลกอฮอล์) ไม่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์และสามารถทำให้ช่วยลดปริมาณมลพิษจากท่อไอเสียโดยสามารถลดปริมาณไฮโดรคาร์บอนและคาร์บอนมอนอกไซด์ลดลง 20-25% ขณะเดียวกัน ทำให้เกิดการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ที่สมบรูณ์อีกด้วย” ผู้ว่าการ ปตท. กล่าว
อย่างไรก็ตาม การจำหน่าย “แก๊สโซฮอล์” ยังมีปัญหาในเรื่องภาษีสรรพสามิตน้ำมันและเงินกองทุน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาในคณะกรรมการโครงการเอทานอลแห่งชาติประมาณปลายเดือนมกราคมศกนี้ หากว่ามีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตและการใช้แอลกอฮอล์ คาดว่าจะส่งผลให้ราคา “แก๊สโซฮอล์” ที่จำหน่ายให้กับประชาชนถูกลงอีกแน่นอน--จบ--
-สส-