กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--ชม พีอาร์
ภาพที่ติดอยู่กับร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง และของใช้ภายในบ้านที่เป็น "บิ๊กบ็อกซ์" หรือร้านโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ก็คือ การเป็นร้านค้าที่ขายสินค้าราคาถูก ซึ่งกลยุทธ์ด้านราคา ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาสร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านของตัวเอง
แต่สำหรับ เมกาโฮม แล้วหัวใจสำคัญที่เข้ามาช่วยให้ผู้เล่นรายนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการทำตลาดช่วงที่ผ่านมาก็คือ การเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค โดยรู้ว่าเขาต้องการอะไร แล้วนำมาปรับตามความต้องการได้อย่างตรงจุด
สิ่งที่สะท้อนออกมาให้เห็นจากการทำตลาดบนพื้นฐานของความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ก็คือ ความสำเร็จในเรื่องของยอดขายที่มีการเติบโตที่ดีมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา โดยการเติบโตของยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกนี้มีตัวเลขออกมถึง 20% คาดว่าตลอดทั้งปี 2560 นี้ น่าจะมีตัวเลขยอดขายรวมขยับขึ้นไปแตะที่ 8,000 ล้านบาท
นางสุพรศรี นาคธนสุกาญจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและบริหารกลุ่มสินค้า บริษัท เมกา โฮม เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้บริหารเมกาโฮม ศูนย์จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และของใช้ภายในบ้านครบวงจร บอกกับเราว่า เมกาโฮม ทำตลาดบนพื้นฐานของการเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคมาตั้งแต่ต้น ทำให้เราสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาดนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างเด่นชัดอีกอย่างก็คือ ลูกค้าในตลาดนี้ เริ่มมีความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้น ลูกค้ามีความต้องการที่หลากหลายกว่าในอดีต อย่างลูกค้าที่เป็นกลุ่มช่าง จากเดิมที่เน้นเรื่องราคาเป็นหลักก็มีบางกลุ่มที่หันมามองในเรื่องของคุณภาพ โดยเฉพาะกับกลุ่มที่มีความรู้ในเรื่องของตัวสินค้า เขามองในภาพรวมมากกว่าว่าการใช้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ จะช่วยทำให้คุณภาพของงานออกมาดี งานเสร็จไว ซึ่งจะทำให้มีต้นทุนที่ต่ำลง เพราะสามารถควบคุมเรื่องของเวลาได้
"ผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา โดยไม่ได้มองเรื่องของราคาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมองเรื่องของความคุ้มค่า คุ้มราคา และสามารถตอบโจทย์ในเรื่องของการประหยัดเวลา สามารถช่วยทำให้งานเสร็จไวอีกด้วย โดยรูปธรรมที่จับต้องได้ในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็คือ ผู้บริโภคทั้งเจ้าของบ้าน ผู้รับเหมา และช่าง ต่างมีการหาข้อมูล พร้อมกับเปรียบเทียบราคาจากสื่อออนไลน์มากขึ้น ทำให้ใช้เวลาในการเดินเลือกซื้อสินค้าน้อยลง โดยจะมีการสื่อสาร และออร์เดอร์สินค้าก่อนที่จะเข้ามาที่สโตร์"
เมกาโฮม เองมีการปรับกลยุทธ์ในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ เริ่มจากมีการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสื่อสารกับลูกค้า โดยเฉพาะฐานสมาชิกที่มีอยู่กว่า 5 แสนรายที่จะมีการสื่อสารอย่างเข้มข้น ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการปรับรูปแบบในการนำเสนอสินค้าที่เน้นในเรื่องของนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการลดระยะเวลาในการทำงานให้กับบรรดาช่างหรือเจ้าของบ้าน ทำให้สินค้าสำเร็จรูปที่สามารถช่วยลดระยะเวลาในการติดตั้ง ถูกนำมาขายใน สโตร์มากขึ้น
"การทำตลาดของเราที่ยึดคอนเซ็ปต์ ประหยัดเวลา ลดต้นทุน งานเสร็จไว บ่งบอกให้เห็นถึงความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะผู้รับเหมาหรือเจ้าของโครงการที่ต้องการควบคุมต้นทุนในการทำงานซึ่งเราจะเข้าไปตอบโจทย์ให้กับพวกเขาผ่านการนำเสนอสินค้าคุณภาพที่มีสินค้าบริการให้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องรอซึ่งจะช่วยให้ประหยัดเวลาและทำให้งานเสร็จไว" สุพรศรี กล่าว และบอกต่ออีกว่า
"ผู้บริหารหรือนักการตลาดที่ดีต้องสามารถเข้าถึง Insight ของผู้บริโภค เพื่อนำมาวิเคราะห์เพื่อวางแผนในการตอบสนองพวกเขา สิ่งที่กำลังเป็น Turning Point ของตลาดโมเดิร์นเทรดโฮมเซ็นเตอร์ก็คือการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล ที่จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงมากมายกับตลาดนี้ ซึ่งเราต้องมีการปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น"
ในการเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคดิจิตอลนั้น ต้องมีการปรับตัวทั้ง 2 มุม คือด้าน Physical และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค เครื่องมืออย่างดิจิตอลจะเข้ามาช่วยในเรื่องของการเป็นเครื่องมือในการสั่งสินค้าซึ่งในระยะ 1- 2 ปีนี้คงยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน แต่หลังจากนั้นจะเห็นจุดเปลี่ยนอย่างชัดเจน เพราะคนที่เป็นเจนเนอเรชั่นใหม่ๆ จะเข้ามามีบทบาทคือเป็นทั้งผู้รับเหมา เจ้าของโครงการ ลูกค้ากลุ่มนี้มาพร้อมกับความเข้าใจในเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ ทำให้สามารถเข้าถึงการซื้อได้ในหลากหลายช่องทางมากขึ้น
การปรับกลยุทธ์ในส่วนของสาขาใหม่นี้ ส่วนหนึ่งเป็นการรองรับกับพฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยลูกค้าทั้งที่เป็นเจ้าของบ้าน ผู้รับเหมา และช่าง ต่างมีการหาข้อมูล พร้อมกับเปรียบเทียบราคาจากสื่อออนไลน์มากขึ้น ทำให้ใช้เวลาในการเดินเลือกซื้อสินค้าน้อยลง ซึ่งการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในครั้งนี้ นอกจากจะเพิ่มพื้นที่การให้บริการใหม่ๆ รวมถึงการอบรมให้ความรู้กับบรรดาช่าง เพื่อสร้างความผูกพันในระยะยาวกับลูกค้าแล้ว เมกาโฮม ยังมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของการสื่อสารกับลูกค้า โดยจะใช้สื่อโซเชียลมีเดียเข้ามาเป็นตัวสื่อสารกับลูกค้ามากขึ้น ซึ่งจะมีการเปิดให้ลูกค้าสามารถออร์เดอร์สินค้าล่วงหน้าก่อนที่จะเข้ามาที่สโตร์ เพื่อทำให้ลูกค้ามีความสะดวกสบายมากขึ้นนั่นเอง
กลยุทธ์ด้านราคา เป็นกลยุทธ์ที่ทุกค่ายทำได้เหมือนกันหมด เพราะทันทีที่ผู้เล่นรายหนึ่งหันมาใช้ "ราคา" เป็นกลยุทธ์นำ ผู้เล่นรายอื่นๆ ก็จะหันมาทำตามได้ไม่ยาก เนื่องจากไม่อยากเสียส่วนแบ่งตลาดไปให้กับคู่แข่งขัน ซึ่งสงครามราคาไม่สร้างผลดีให้กับตลาด เพราะจะทำให้ต่างฝ่ายต่างเจ็บตัว การหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของ Customer Insight เพื่อมุ่งตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของพวกเขา จะเข้ามาเป็นหัวใจของการแข่งขันในตลาด ซึ่งใครเข้าใจพวกเขามากกว่ากัน ย่อมจะมีความได้เปรียบในการแข่งขัน....
พร้อมติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ เมกาโฮม ทุกสาขา www.megahome.co.th หรือที่https://www.facebook.com/MegahomeCenter