กระทรวงพลังงานประกาศปรับขึ้นดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตร ภายหลังจากที่ตรึงไว้กว่า 1 ปี ใช้เงินเกือบ 7 หมื่นล้านบาท

ข่าวทั่วไป Tuesday February 22, 2005 12:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--สนพ.
กระทรวงพลังงานประกาศปรับขึ้นดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตร ภายหลังจากที่ตรึงไว้กว่า 1 ปี ใช้เงินเกือบ 7 หมื่นล้านบาท ด้านเอกชนหวั่นกระทบต่อราคาสินค้า ส่วนก๊าซหุงต้มเตรียมปล่อยลอยตัวในหน้าร้อนนี้
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศจำนวน 60 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ 15.19 บาทต่อลิตร จากเดิมที่รัฐบาลได้ตรึงราคาไว้ที่ 14.59 บาทต่อลิตร เป็นเวลานานกว่า 1 ปี หรือตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 เป็นต้นไป ส่วนสาเหตุที่ต้องปรับขึ้นราคามันดีเซลก่อนกำหนดเดิม คือ ในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้รับภาระชดเชยในการตึงราคาน้ำมันไปแล้วเป็นจำนวน 68,051.99 ล้านบาท หรือวันละ 190.62 ล้านบาท แบ่งเป็นดีเซล จำนวน 61,076.91 ล้านบาท หรือ 3.81 บาทต่อลิตร เบนซิน 95 จำนวน 2,672.63 ล้านบาท เบนซิน 91 จำนวน 4,302.45 ล้านบาท สำหรับการปรับขึ้นราคาดีเซล 60
สตางค์ต่อลิตรครั้งนี้ ส่งผลให้กองทุนลดภาระการตรึงราคาได้วันละประมาณ 150 ล้านบาท จากเดิมวันละ 188 ล้านบาท ลดการชดเชยราคาเหลือลิตรละ 3.00 บาท
ด้านนายเกียรติพงศ์ น้อยใจบุญ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลของรัฐบาลเป็นจำนวน 60 สตางค์นั้น เชื่อว่าอาจจะยังไม่กระทบต่อราคาสินค้าเพราะเป็นการปรับขึ้นไม่ถึง 5 % ของราคาน้ำมัน แต่อยากให้รัฐบาลให้ความชัดเจนในการปรับขึ้นราคาน้ำมันในครั้งต่อไป
ว่าจะขึ้นอีกกี่ครั้ง และครั้งละเท่าใด เพื่อที่ภาคเอกชนเพื่อผู้ประกอบการจะได้มีการปรับตัวรองรับกับสภาวะต้นทุนการผลิตสินค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งนี้เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อราคาสินค้าก็ต่อเมื่อมีการปรับขึ้น 2 — 3 บาทต่อลิตร
ขณะที่นายสันติ วิลาสศักดานนท์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ( สอท. )
กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลประกาศปรับราคาจำหน่ายน้ำมันดีเซลขึ้น 60 สตางค์ต่อลิตร นั้น ถือว่าเป็นการปรับขึ้นราคาสูงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ที่ราคา 30 — 40 สตางค์ต่อลิตร และเร็วกว่ากำหนดเดิม คือ ในช่วงเดือนมีนาคม — เมษายน ดังนั้นจึงเป็นห่วงว่า อาจจะส่งผลกระทบต่อสินค้าให้มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องใช้การขนส่ง อาทิ วัสดุก่อสร้าง ปูนชินเมนต์ สินค้าทางการเกษตร พืชผักและเนื้อสัตว์ ซึ่งเชื่อว่าจะต้องมีการปรับขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นอยากให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้บริโภคไม่เดือดร้อน
นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บ.ปตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้อาจมีการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินได้ ถ้าแนวโน้มของราคาน้ำมันในตลาดโลกยังปรับตัวสูงขึ้นอยู่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีที่ท่าว่าจะปรับตัวลดลงตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่สถาบันนานาชาติที่เชี่ยวชาญด้านพลังงาน คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลกเฉลี่ยปี 2548 เพิ่มขึ้น 80 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ระดับ 84 ล้านบาเรลต่อวัน ซึ่งหาก OPEC ลดเพดานการผลิตในการประชุมที่ อิหร่าน ในวันที่ 16 มีนาคม ที่จะถึงนี้ อาจทำให้โลกตกอยู่ในสภาวะอุปทานตึงตัวได้ และในระยะสั้นอุณหภูมิใน USA ที่หนาวเย็นกว่าระดับปกติจนถึงต้นเดือน มีนาคม 2548 อาจส่งผลต่อราคาน้ำมันได้
นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ( สนพ.) กล่าวว่า รัฐบาลยังคงยืนยัน นโยบายที่จะ ลดการชดเชย และประกาศลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะประกาศลอยตัวในช่วงฤดูร้อน
อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะประกาศลอยตัวเมื่อใด เนื่องจาก อาจจะมีการกักตุนสินค้าเกิดขึ้น โดยหากมีการลอยตัวจะประกาศลอยตัวโดยทันที สำหรับปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ใช้เงินชดเชยราคาก๊าซหุงต้มให้กับประชาชน ประมาณ 2 บาทต่อกิโลกรัม หรือใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชย ประมาณเดือนละ 400 ล้านบาท--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ