กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--ธนาคารไทยพาณิชย์
ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2560 (งบการเงินรวมก่อนสอบทาน) ที่จำนวน 10,130 ล้านบาท ลดลง 12.2% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น และเตรียมการปฏิบัติตามมาตรฐานบัญชี IFRS 9 ที่จะใช้ในปี 2562 นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 13.8% สืบเนื่องจากแผนยุทธศาสตร์ของธนาคารในการปรับองค์กรและเทคโนโลยีสู่ยุคดิจิทัล สำหรับผลประกอบการของธนาคารในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2560 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 33,953 ล้านบาท ลดลง 2.7% จากปีก่อน
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิตามงบการเงินรวมในไตรมาส 3/2560 มีจำนวน 23,272 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 4.8% จากปีก่อน ส่วนใหญ่จากการขยายตัวของสินเชื่อ 4.3%
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยตามงบการเงินรวมในไตรมาส 3/2560 มีจำนวน 11,419 ล้านบาทลดลง 4.6% จากปีก่อน จากการลดลงของกำไรจากเงินลงทุน และรายได้สุทธิจากการรับประกันภัย อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและกำไรจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น
อัตราส่วน NPL ในไตรมาส 3/2560 อยู่ที่ 2.75% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2560 ที่ 2.65% ธนาคารได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 7,554ล้านบาท หรือ 1.52% ของสินเชื่อรวมในไตรมาสนี้ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวดีขึ้นเป็น 136.4% ณ สิ้นไตรมาส 3/2560 จาก 133.5% ณ สิ้นไตรมาส 2/2560
นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า "ธนาคารยังดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบต่อไป ด้วยเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และระดับสำรองหนี้สูญที่สูงเพิ่มขึ้น และในช่วงไตรมาส 3 นี้ ธนาคารได้เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการทำธุรกรรมในชีวิตประจำวันผ่านโทรศัพท์มือถือด้วย SCB Easy Application ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนด้านเทคโนโลยี ซึ่งธนาคารจะทยอยนำเสนอรูปแบบการให้บริการด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ทำให้ลูกค้าสะดวกใช้และมีความมั่นใจในการใช้บริการ ธนาคารเชื่อว่าสิ่งดังกล่าวจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสร้างความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธนาคาร"