กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--IR PLUS
หุ้นไอพีโอ FLOYD กระแสแรงสุดๆ !!! ขายเกลี้ยง 90 ล้านหุ้น หลังเสนอขายวันที่ 18-20 ต.ค.ที่ผ่านมา "ชนะชัย จุลจิราภรณ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. เออีซี ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจัดจำหน่าย เชื่อการกำหนดราคาไอพีโอ 2.80 บาท/หุ้น เป็นราคาเหมาะสม ประกอบกับเป็นหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง จึงได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักลงทุน ด้าน"ทศพร จิตตวีระ" กรรมการผู้จัดการ เผยนำเงินที่ระดมทุน 252 ล้านบาท ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพิ่มศักยภาพธุรกิจและสร้างการเติบโตในอนาคต เชื่อเข้าซื้อขายตลาด เอ็ม เอ ไอ วันแรก 1 พฤศจิกายนนี้ มั่นใจไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) หรือ FLOYD กล่าวว่า หลังจากที่ได้เปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 90 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายที่ 2.80 บาท/หุ้น ระหว่างวันที่ 18-20 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าหุ้นของ FLOYD ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อหุ้นไอพีโอเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่มีศักยภาพสูงในการเติบโต มีอนาคตสดใส การกำหนดราคาที่ 2.80บาท หากคำนวณ P/E Ratio โดยใช้กำไรสุทธิ 4 ไตรมาสย้อนหลัง (วันที่ 1 กรกฎาคม 2559 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2560) จะเท่ากับ 13.33 เท่า ในขณะที่ P/E ของหมวดธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง (Construction Services: CONS) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เฉลี่ยในช่วงระยะเวลา 6 เดือน มีค่าเท่ากับ 30.55 เท่า จึงมั่นใจว่า FLOYD จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเข้าทำการซื้อขายวันแรกได้อย่างประทับใจ
"ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเปิดจองหุ้นไอพีโอของ FLOYD ในครั้งนี้ มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก คาดว่าเป็นผลจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในธุรกิจ และศักยภาพการเติบโตสูง จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของผู้บริหารซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจบริการรับเหมาติดตั้งงานวางระบบไฟฟ้าและเครื่องกล มากว่า 29 ปี และมีทีมงานที่แข็งแกร่ง การเติบโตของบริษัทฯ ที่มีรายได้เติบโตต่อเนื่องและก้าวกระโดดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เป็นอีกบทพิสูจน์ให้เห็นว่าบริษัท FLOYD ได้รับความเชื่อถือ เชื่อมั่น และพร้อมที่จะเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต การเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะยิ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ FLOYD มากยิ่งขึ้น และเชื่อว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้ ราคาขายหุ้นไอพีโอที่ 2.80 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่น่าสนใจ หากนักลงทุนที่พลาดวันจองซื้อหุ้นไอพีโอ สามารถเข้ามาซื้อหุ้นบนกระดานได้ โดยจะเข้าเทรดวันแรกวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ FLOYD มั่นใจไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวังอย่างแน่นอน" นายชนะชัยกล่าว
นายทศพร จิตตวีระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) หรือ FLOYD กล่าวว่า หุ้นไอพีโอของบริษัทฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ เนื่องจาก FLOYD ถือเป็นผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลที่ครบวงจร งานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารแบบเบ็ดเสร็จโดยมีขอบเขตการให้บริการที่ครอบคลุมทั้งในส่วนของการจัดหาวัตถุดิบ และงานรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสาร,ระบบสุขาภิบาลและระบบป้องกันอัคคีภัย และระบบปรับอากาศภายใต้สัญญาบริการเดียว โดยบริษัทฯมีทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญที่สามารถรองรับการให้บริการตามงานแต่ละประเภทที่มีความซับซ้อนแตกต่างกันตามความประสงค์ของลูกค้า แม้ FLOYD จะเป็นบริษัทฯ เล็กเมื่อเทียบกับบริษัทฯ อื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่เป็นบริษัทฯ ที่มีศักยภาพ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างความเชื่อมั่น อีกทั้งสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
"ในฐานะผู้บริหารบริษัทฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นไอพีโอเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการเติบโตของธุรกิจ การเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะทำให้ FLOYD เข้าถึงแหล่งเงินทุน และสามารถเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วตามแผนที่วางไว้ และมั่นใจทีมผู้บริหารจะดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น เชื่อว่าเมื่อ FLOYD เข้าซื้อขายเป็นวันแรกในวันที่ 1 พ.ย นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน" นายทศพร กล่าว
นายทศพร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ 252 ล้านบาท จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยเงินทุนหมุนเวียนเพื่อสร้างโอกาสในการรับงานที่มี Scale ใหญ่ขึ้น ในขณะที่เงินทุนอีกส่วนหนึ่งจะใช้ในการลงทุนก่อสร้างอาคารสำนักงานและศูนย์อบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพและความสามารถของพนักงานในการให้บริการเพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต นอกจากนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ทั้งต่อสถาบันการเงิน คู่ค้าธุรกิจ รวมทั้งลูกค้าทั้งภาครัฐ และเอกชน ซึ่งจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป