กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--กรมศุลกากร
ณ ห้องประชุมชั้น 15 อาคาร 120 ปี กรมศุลกากร นายสมใจนึก เองตระกูล อธิบดีกรมศุลกากร เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมศุลกากรกับธนาคารพาณิชย์ 11 แห่ง ดำเนินการโครงการขยายและพัฒนาระบบการคืนอากรตามมาตรา 19 ทวิ โดยวิธีวางประกันลอย คาดว่าจะสามารถเปิดบริการได้ประมาณต้นปี 2544
สืบเนื่องจากสภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำเมื่อปี 2540 กรมศุลกากรกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันพัฒนาระบบการค้ำประกันแบบใหม่ เรียกว่า "วิธีวางประกันลอย" โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนาระบบภายในของธนาคาร และกรมศุลกากรให้เป็นระบบคอมพิวเตอร์ ON-LINE เพื่อเป็นโครงการนำร่องเมื่อเดือนธันวาคม 2540 เน้นการลดขั้นตอน การเปิดบริการแบบ ONE STOP SERVICE เร่งรัดการคืนอากร เพื่อลดต้นทุนสินค้า ก่อให้เกิดสภาพคล่องพร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออก ทั้งยังเป็นมาตรการส่งเสริมธุรกิจส่งออกของประเทศให้เหมาะสมกับสภาวะในเวลาขณะนั้น ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก จึงได้มีโครงการขยายและพัฒนาระบบการคืนอากรตามมาตรา 19 ทวิ โดยวิธีวางประกันลอย และได้รับความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์ 11 แห่ง ในการร่วมลงทุนบริจาคเงินรายละ 1 ล้านบาทถ้วน เพื่อจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ รวมโปรแกรมการทำงานที่ต้องใช้ในโครงการฯ ได้แก่
1) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
2) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
3) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
4) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
5) ธนาคารซากุระ จำกัด
6) ธนาคารซิตี้แบงก์ จำกัด
7) ธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ จำกัด (มหาชน)
8) ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ จำกัด
9) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
10) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
11) ธนาคารเอเชีย จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งในการออกแบบและพัฒนาระบบโดยบริษัทกรุงไทยคอมพิวเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งกรมศุลกากรจะได้ดำเนินการจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบให้บรรลุเป้าหมายของโครงการฯ ทั้งนี้ คาดว่าระบบจะสามารถเปิดบริการได้ประมาณต้นปี 2544
การวางค้ำประกันแบบประกันลอยโดยผ่านธนาคาร จะเป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยอำนวยประโยชน์ให้เกิดแก่ผู้ประกอบการส่งออก ให้ได้รับความสะดวกรวดเร็ว ในการขอคืนอากรจากกรมศุลกากร สามารถคืนอากรได้ทันทีทุกครั้งที่ส่งสินค้าออก ไม่ต้องรอให้ส่งออกครบทั้งจำนวนของวัตถุดิบที่นำเข้ามา โดยที่การพิจารณาคืนอากรจะกระทำได้ในเวลาอันรวดเร็วไม่เกิน 5 นาที นับแต่การยื่นคำร้อง ทำให้ไม่เกิดปัญหาการคืนอากรล่าช้า ช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ และยังเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการค้ำประกันค่าภาษีอากรต่อศุลกากรทุกครั้งที่นำเข้ามา กรมศุลกากรจึงมีนโยบายที่จะพัฒนาระบบดังกล่าวรองรับการวางค้ำประกันสินค้าทุกประเภทแทนการใช้หนังสือธนาคารค้ำประกัน ให้แก่ผู้ประกอบการได้อีกทางหนึ่งในอนาคต--จบ--
-สส-