กรุงเทพฯ--31 ต.ค.--อินสไปร์ คอมมิวนิเคชั่นส์
โทรศัพท์มือถือมีบทบาทเปลี่ยนพฤติกรรมการทำธุรกรรมทางการเงินของคนไทย 9 ใน 10 (90%) ค้นหาข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
Google ได้เปิดเผยงานวิจัยใหม่เกี่ยวกับพฤติกรรมการค้นหาและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงิน งานวิจัยในหัวข้อ Path to Purchase โดยความร่วมมือระหว่าง Google และ TNS แสดงให้เห็นถึงกระบวนการที่ซับซ้อนของผู้บริโภคก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงิน โดยได้สัมภาษณ์ผู้ที่ซื้อสินค้าและบริการเฉพาะอย่าง จำนวนทั้งสิ้น 1,000 ราย ทั้งเพศชายและเพศหญิง อายุระหว่าง 18 - 60 ปี ที่มีการซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงินในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
ผลการวิจัยที่ค้นพบมีดังนี้:
คนไทยเปลี่ยนมาใช้สื่อออนไลน์ในการค้นหาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน 9 ใน 10 ของคนไทย (90%) ค้นหาข้อมูลออนไลน์เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ปัจจุบันคนไทยมากกว่า 6 จาก 10 คน (63%) หาข้อมูลออนไลน์มากกว่าเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งโทรศัพท์มือถือมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกรรมทางการเงินของคนไทย โดยกว่าครึ่งกล่าวว่าสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่สะดวกที่สุดสำหรับการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
สื่อออนไลน์คือกุญแจสำคัญ แหล่งข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นที่นิยมของคนไทยมี 3 แหล่งหลัก ได้แก่ เว็บไซต์ของผู้ให้บริการทางการเงิน (42%) เสิร์ชเอนจินของ Google (38%) และเว็บไซต์เปรียบเทียบ (35%) เป็นที่ชัดเจนว่าบริษัททางการเงินของไทยจำเป็นต้องมีสื่อออนไลน์ นอกจากนี้การวิจัยยังพบอีกว่า 3 ใน 5 ของคนไทยค้นพบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ผ่านทางสื่อออนไลน์
คนไทยพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจ...8 ใน 10 ของคนไทย (81%) เปรียบเทียบแบรนด์ก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ยังค้นหาข้อมูลอีกหลายครั้งในระหว่างการหาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงิน โดยจำนวนครั้งของการหาข้อมูลอยู่ที่ระหว่าง 5.8 ครั้ง (ประกันหรือเงินกู้) ถึง 6.5 ครั้ง (บัตรเครดิต) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของผลิตภัณฑ์
แต่คนไทยบางส่วนไม่ชอบใช้เวลานานและตัดสินใจเร็ว 7 ใน 10 ของคนไทย (73%) พิจารณาแบรนด์ผู้ให้บริการทางการเงินเพียง 2 หรือ 3 แบรนด์เท่านั้น
การทำธุรกรรมส่วนใหญ่เป็นแบบออฟไลน์ แต่แบบออนไลน์ก็กำลังเพิ่มมากขึ้น คนไทยมากกว่า 1 ใน 3 (34%) สมัครการลงทุนออนไลน์ และมากกว่า 1 ใน 4 (28%) สมัครบัตรเครดิตออนไลน์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าช่องทางออนไลน์มีบทบาทสำคัญ กว่าครึ่งกล่าวว่าระบบออนไลน์ช่วย "ประหยัดเวลา" และเกือบ 4 ใน 10 คนกล่าวว่าความสะดวกเป็นปัจจัยหลัก
งานวิจัยนี้มีความหมายอย่างไรต่อนักการตลาด:งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่านักการตลาดควรเข้าหาผู้บริโภคตั้งแต่ในช่วงการเริ่มต้นหาข้อมูลไปจนถึงช่วงเวลาของการตัดสินใจ ธนาคารที่เริ่มต้นได้ดีไม่เพียงแต่เข้าถึงผู้บริโภค แต่ต้องนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องและมีประโยชน์ตั้งแต่วินาทีแรกที่ผู้บริโภคค้นหาข้อมูลบนโทรศัพท์มือถือของพวกเขา