กรุงเทพฯ--1 พ.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
'กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์' หนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ของไทย เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 533.30 ล้านหุ้น หลัง ก.ล.ต. อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปีนี้ ด้านผู้บริหารมั่นใจศักยภาพการดำเนินธุรกิจรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในไทยเติบโตต่อเนื่อง
นางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ("GULF" หรือ "บริษัทฯ") กล่าวว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลักด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำและน้ำเย็น และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดย ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 กลุ่มบริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ที่จำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวมทั้งสิ้น 4,772.1 เมกะวัตต์
"เรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจ มีการร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายสู่ การเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติภาคเอกชนรายใหญ่ในภูมิภาคนี้" นางพรทิพากล่าว
ที่ปรึกษาทางเงินของบริษัทฯ ซึ่งประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากGULF ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟล์ลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 533.30 ล้านหุ้นนั้น ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติให้เสนอขายหุ้นกับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) แล้ว
โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของเงินลงทุนและเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยและบริษัทร่วมของบริษัทฯ และบริษัทอื่น รวมถึงลงทุนโครงการต่าง ๆ ในอนาคต ส่วนที่เหลือจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับธนาคาร ไถ่ถอนหุ้นกู้และ/หรือตั๋วแลกเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ และเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ของกลุ่มบริษัทฯ ต่อไป
ปัจจุบัน GULF มีทุนจดทะเบียน 10,666.50 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,133.30 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 5 บาท โดยมีทุนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 8,000.00 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,600.00 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 533.30 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 24.99 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้