กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--บางกอก พลับบลิค รีเลชั่นส์
- แนะนำคอนเซ็ปต์ศูนย์ค้าส่งขนาดเล็กเป็นหัวหอกในการเปิดสาขาในต่างจังหวัด
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์ค้าส่ง แม็คโครประกาศวันนี้ว่า บริษัทจะลงทุน 2,000 ล้านบาทในปี 2544 เปิดศูนย์ค้าส่งแม็คโคร 3 สาขาในจังหวัดขนาดเล็กซึ่งยังมีความต้องการศูนย์ค้าส่ง แทนการเปิดสาขาในจังหวัดขนาดใหญ่เช่นเมื่อก่อน
มร. อาร์โนลด์ โทบัค กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ศูนย์ค้าส่งที่จะเปิดใหม่นี้จะเป็นศูนย์ค้าส่งขนาดเล็ก มุ่งให้บริการแก่ร้านค้าปลีกรายย่อย หรือที่เรียกทั่วไปว่าร้านโชวห่วย ซึ่งยังมีอยู่เป็นจำนวนมากในจังหวัดขนาดเล็ก ทั้งนี้ที่ผ่านมาร้านค้าเหล่านี้จะต้องเดินทางเข้าไปยังจังหวัดใหญ่ที่แม็คโครเปิดให้บริการอยู่ ทำให้เสียเวลาในการเดินทางและค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นการเพิ่มต้นทุนในการประกอบกิจการ
พร้อมกันนี้ มร. โทบัคได้เปิดเผยว่า บริษัทได้แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการซึ่งเป็นคนไทยคนแรกคือนางสุชาดา อิทธิจารุกุล ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน แทนที่ตนซึ่งจะเกษียณในปลายเดือนมิถุนายนนี้และเดินทางกลับประเทศเบลเยี่ยม
มร. โทบัค กล่าวว่า "ศูนย์ค้าส่งขนาดเล็กจะมีพื้นที่ 6,200 ตารางเมตรและใช้เงินลงทุนประมาณ 300-400 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งไม่ถึงครึ่งหนึ่งของงบที่ใช้ในการเปิดสาขาขนาดใหญ่ซึ่งมีเนื้อที่ 10,000 ตารางเมตร ด้วยเงินลงทุนที่น้อยกว่าเราจึงสามารถขยายสาขาไปในจังหวัดที่มีร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม เช่น ร้านโชวห่วย ตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยลูกค้าจำนวนมากหรือยอดขายที่สูง เช่นสาขาขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันก็สามารถคืนทุนได้เร็วขึ้น" มร. โทบัคกล่าวเสริมว่า "ต่อไปนี้ร้านค้าปลีกรายย่อยเหล่านี้ ซึ่งเดิมต้องเดินทางเข้าไปซื้อสินค้าในจังหวัดใหญ่ จะสามารถซื้อสินค้าราคาถูกได้จากศูนย์ค้าส่งแม็คโครที่ไปเปิดให้บริการอยู่ใกล้ขึ้น คอนเซ็ปต์ศูนย์ค้าส่งขนาดเล็กของเราจึงมีส่วนส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในต่างจังหวัด ในขณะเดียวกันก็ทำให้ศูนย์ค้าส่งแม็คโครสามารถขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง"
มร. โทบัค เปิดเผยว่า กลยุทธ์ของบริษัทสำหรับอีกสองปีข้างหน้ามุ่งตอกย้ำความเป็นศูนย์ค้าส่งแบบรับเงินสดและบริการตนเองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นั่นหมายถึงเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเชิงพาณิชย์มากขึ้น
เขากล่าวว่า "กลยุทธ์ดังกล่าวจะนำไปสู่การแบ่งเซ็กเมนต์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นระหว่างแม็คโครซึ่งเป็นศูนย์ค้าส่งกับธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น โลตัส บิ๊กซี และคาร์ฟูร์ ที่จับกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป"
มร. โทบัคอธิบายว่า ประเภทสินค้าจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่จะสร้างความแตกต่างให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่นจะมีการนำเสนอสินค้าเป็นแพ็คขนาดใหญ่ "เราจะวางจำหน่ายสินค้าที่มีขนาดบรรจุที่ไม่มีวางขายในไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น แชมพู เราจะวางจำหน่ายแชมพูขนาดซอง ซึ่งเป็นขนาดที่ร้านโชวห่วยและโรงแรมขนาดเล็กซื้อจากเรา ในขณะเดียวกัน เราจะวางจำหน่ายแชมพูบรรจุขวดขนาดแกลลอน ซึ่งเหมาะสำหรับธุรกิจร้านทำผม"
ลูกค้าเชิงพาณิชย์ของแม็คโครได้แก่ ร้านค้าปลีกรายย่อยที่เรียกกันทั่วไปว่าร้านค้าโชวห่วย ซึ่งซื้อของจากศูนย์ค้าส่งแม็คโครไปขายในร้านของตน และรวมไปถึงธุรกิจขนาดเล็กที่ซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ เพื่อนำไปประกอบธุรกิจประจำวันของตน อาทิเช่น คลินิกรักษาพยาบาล สำนักงานทนายความ สำนักงานบัญชี และร้านเสริมสวย ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งของศูนย์ค้าส่งแม็คโคร คือธุรกิจร้านอาหาร เช่น โรงอาหารในโรงเรียนและโรงพยาบาลต่างๆ ภัตตาคาร ฟู้ดคอร์ด และร้านอาหารริมทาง
"ปัจจุบัน ลูกค้าของแม็คโครที่เป็นธุรกิจร้านค้าปลีกรายย่อยมีสัดส่วนประมาณ 50% และธุรกิจร้านอาหารมีสัดส่วนประมาณ 50%" มร. โทบัคกล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานอื่นๆ ของบริษัทในปีนี้ประกอบไปด้วยการเดินหน้าลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดกิจกรรมที่เอื้อประโยชน์กับซัพพลายเออร์ เช่น การเปิดเว็บไซต์แม็คโคร บีทูบี (Makro B2B) และโครงการแม็คโคร คร็อสด็อคกิ้ง (Makro Cross-Docking) ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ช่วยให้ซัพพลายเออร์ขนาดเล็กลดค่าใช้จ่ายในการจัดส่งสินค้าให้กับแม็คโคร โดยการแชร์รถบรรทุกเพื่อจัดส่งสินค้าร่วมกับซัพพลายเออร์รายอื่นๆ
เมื่อเร็วๆ นี้ (12 พฤษภาคม) แม็คโครได้รายงานผลประกอบการของบริษัทว่ามีกำไรสุทธิ 267.8 ล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปีซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2544 เพิ่มขึ้น 18% จาก 226 ล้านบาทในระยะเวลาเดียวกันของปี 2543 ยอดขายรวมในช่วงไตรมาสแรกของปี 2544 อยู่ที่ 9,252 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จาก 8,767 ล้านบาทในระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ปัจจุบัน สยามแม็คโครมีศูนย์จำหน่ายสินค้าอยู่ทั้งสิ้น 20 สาขาทั่วประเทศ ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ 7 สาขา และต่างจังหวัด 13 สาขา มีพื้นที่จำหน่ายรวมกันประมาณ 211,000 ตารางเมตร นอกจากนี้บริษัทยังเป็นเจ้าของกิจการศูนย์บริการรถยนต์แม็กซ์ 48 แห่ง ศูนย์บริการล้างรถ 26 แห่ง สถานีบริการน้ำมัน 13 แห่ง และแม็คโครออฟฟิศเซ็นเตอร์ 8 สาขา โดยมีพนักงานอยู่ทั่วประเทศประมาณ 5,000 คนในประเทศไทย
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ บริษัท บางกอก พลับบลิค รีเลชั่นส์ จำกัด
อนัญญา โศภิษฐกมล (ต่อ 110) หรือ ชวรินทร์ จิรรัตนชาญ (ต่อ 109)
โทร 664 9500 แฟกซ์ 664 9515--จบ--
-อน-