กรุงเทพฯ--2 พ.ย.--FAQ
• ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่พร้อมกระตุ้นการเติบโตของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)
• ดีเอชแอลมุ่งมั่นพัฒนาเส้นทางการค้าระดับโลก และระดับภูมิภาคของไทย
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ผู้นำระดับโลกด้านการขนส่งด่วนระหว่างประเทศ เปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าแห่งที่ 14 ในประเทศไทย ด้วยเงินลงทุน 38 ล้านบาท (965,000 ยูโร) โดยศูนย์กระจายสินค้าอีสเทิร์นเกตเวย์ (Eastern Gateway Service Center - EGW) ที่จังหวัดฉะเชิงเทราจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor - EEC) ในอนาคต
ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2,382 ตารางเมตร ประกอบด้วยพื้นที่ดำเนินงาน 1,819 ตารางเมตร และพื้นที่สำหรับจอดรถ 563 ตารางเมตร ศูนย์กระจายสินค้า EGW สามารถให้บริการจัดส่งสินค้า 23 ตันต่อวัน และรองรับสินค้าหลากหลายประเภทที่มีอายุการเก็บรักษาสั้นอีกด้วย
ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่นี้เพิ่มความสะดวกในการให้บริการ และเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสินค้าเพื่อรองรับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จังหวัดฉะเชิงเทรา นิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี จังหวัดฉะเชิงเทรา นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ รวมถึงองค์กรธุรกิจอื่นๆ ในจังหวัดฉะเชิงเทราและชลบุรี
การลงทุนของดีเอชแอลในการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า EGW นับเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของประเทศไทยในการพัฒนาศูนย์กลางเศรษฐกิจในเขตภาคตะวันออก โดยมีการคาดการณ์ว่าระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จะกลายเป็นรากฐานสำหรับอุตสาหกรรมอนาคต (New S-curve) และเชื่อมโยงการขนส่งสู่ภูมิภาคอาเซียน ศูนย์กระจายสินค้า EGW ในจังหวัดฉะเชิงเทราเริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ครอบคลุมเส้นทางการขนส่ง 12 เส้นทาง
ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของดีเอชแอลในการขยายเครือข่ายในประเทศไทย เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในเขต EEC และขับเคลื่อนการเติบโตในอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น อุตสากรรมยานยนต์แห่งอนาคต สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เกษตรกรรมและไบโอเทคโนโลยี อาหาร หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ การบินและลอจิสติกส์ ไบโอเคมีและปิโตรเคมี ดิจิตอล และการแพทย์ครบวงจร
ฌอน วอลล์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายเครือข่ายปฏิบัติการและการบิน ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า "ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาค จึงมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางลอจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียน และยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสำคัญอย่างมากต่อเครือข่ายการให้บริการของเรา ปริมาณการค้าในอาเซียนคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 130 (ด้วยมูลค่า 5,653 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2566 ) และรายได้รวมจากการให้บริการลอจิสติกส์ของไทยคาดว่าจะสูงถึง 96.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2562 เรามั่นใจว่าศูนย์กระจายสินค้าครบวงจรแห่งใหม่นี้จะช่วยให้องค์กรธุรกิจลดค่าใช้จ่ายด้านลอจิสติกส์ และเพิ่มความคล่องตัวในการทำการค้าอย่างยั่งยืน"
ชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย กล่าวว่า "ธุรกิจค้าปลีกอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยคาดว่าจะแตะระดับ 2.1 ล้านล้านบาทในปี 2565 เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2559 ปัจจุบันรายได้จากระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกคิดเป็นสัดส่วน 20 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีประเทศไทย และมีการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม 1.5 ล้านล้านบาทในการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมธุรกิจลอจิสติกส์ของประเทศ ดีเอชแอลดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในการขยายบริการลอจิสติกส์เพื่อรองรับการเติบโตของอี-คอมเมิร์ซและการค้าระดับโลกในประเทศไทย เนื่องจากระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกมีศักยภาพที่จะเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญของอาเซียนในอนาคต ดีเอชแอลมั่นใจว่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และการบริการลอจิสติกส์ของเราจะรองรับการค้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ"