แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เผยกำไรไตรมาสแรก 409 ล้านบาทเติบโตกว่าปี 2543 เกือบเท่าตัว

ข่าวทั่วไป Wednesday May 16, 2001 17:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แจ้งผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1/2544 โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานสูงถึง 409 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2543 ที่บริษัทฯมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 17 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิทั้งปี 2543 เพียง 216 ล้านบาท
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้แถลงถึงผลการประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมากว่าซึ่งเกิดจากนโยบายการสร้างบ้านเสร็จก่อนขายเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภค เนื่องจากสภาพตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะบ้านเดี่ยวได้เริ่มลดน้อยลงและขาดแคลนในบาง Segment โดยบ้านสร้างเสร็จก่อนขายปริมาณมากดังกล่าวทำให้ :-
1. บริษัทฯ มีงบรวมของยอดขายจากการโอนบ้านในไตรมาส 1/2544 เท่ากับ 2,195ล้านบาท เพิ่มจากไตรมาส 1/2543 ซึ่งมียอดขาย 910 ล้านบาท เป็นอัตราเพิ่มถึง 141 %
2. บริษัทฯ มีกำไรข้างต้นเพิ่มขึ้นจาก 28 %ในไตรมาส 1/2543 เป็น 32% ในไตรมาส 1/2544 เพราะการวางแผนงานก่อสร้างบ้านเป็นจำนวนมากทำให้ต้นทุนการก่อสร้างลดลง
3. อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงเหลือเพียง 9.9% ของยอดขายในไตรมาส1/2544 เมื่อเทียบกับ 17.8% ในไตรมาส 1/2543 ทั้งนี้เพราะบริษัทฯ ได้พัฒนาระบบการบริหารงานก่อสร้าง งานขาย และส่วนงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเป็นระบบ On-Line
4. ดอกเบี้ยจ่ายในไตรมาส 1/2544 ลดลง 22 ล้านบาท เปรียบเทียบจากไตรมาส 1/2543 เนื่องจากภาระหนี้ที่ลดลงตามลำดับ
โดยเฉพาะผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมนั้น ได้พลิกฟื้นจากการขาดทุน 61 ล้านบาทในไตรมาส 1/2543 มาเป็นกำไร 22 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2544 ทั้งนี้เกิดจากความสำเร็จในการปรับปรุงโครงสร้างที่เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของธุรกิจในเครือหน้า 1/2
ทางด้านฐานะการเงินของบริษัทนั้น นายอนันต์ได้ชี้แจงว่า บริษัทฯได้ทยอยลดยอดเงินกู้มาโดยตลอด โดยในไตรมาส 1/2544 นี้ บริษัทสามารถลดหนี้เงินกู้ได้อีกประมาณ 400 ล้านบาท ในขณะที่สภาพคล่องของบริษัทฯในรูปเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นเพิ่มขี้นกว่า 200 ล้านบาท และจากการที่บริษัทฯมีกำไรสุทธิถึง 409 ล้านบาท ประกอบกับเงินกู้ที่ลดลง ทำให้หนี้สินต่อทุนลดลงจาก 1:1.05 เมื่อปลายปี 2543 เหลือเพียง 1:0.97 เมื่อสิ้นไตรมาส 1/2544
ที่สำคัญคือแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนในกรุงเทพฯและปริมณฑลได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยใน 2 เดือนแรกปี 2544 ตัวเลขจดทะเบียนที่อยู่อาศัยใหม่มีจำนวน 6,464 หน่วย มากกว่า 2 เดือนแรกในปี 2543 ซึ่งมีจำนวน 4,142 หน่วย คิดเป็นเพิ่มขึ้น 56% ทั้งนี้เกิดจากการขาดแคลนที่อยู่อาศัยในบางประเภทในหลายทำเล ดังนั้นเมื่อมีโครงการใหม่เกิดขึ้นในทำเลนั้นๆ จึงได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยเข้ามาซื้ออย่างรวดเร็ว ทำให้ตัวเลขจดทะเบียนใหม่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดดังกล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมฝ่ายประชาสัมพันธ์โทร. 2378900 - 3 ต่อ 587-จบ-
-ณท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ