'บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์’ โชว์ความสำเร็จเดินหน้า COD โรงไฟฟ้าต่อเนื่อง หลัง 1 พ.ย. โรงไฟฟ้าตาสิทธิ์ 3 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 129.9 MW เริ่มขายไฟเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 7, 2017 11:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 พ.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย 'บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์' หนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ของไทย ทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด โครงการโรงไฟฟ้าตาสิทธิ์ 3 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 129.9 MW สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบตามสัญญาให้แก่ กฟผ. จำนวน 90.0 MW เป็นระยะเวลา 25 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 32.8 เมกะวัตต์และไอน้ำจำนวน 25.0 ตันต่อชั่วโมง นางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ("GULF" หรือ "บริษัทฯ") เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟล์ลิ่ง) เพิ่มเติมให้แก่ สำนักงาน ก.ล.ต. เพื่ออัพเดตความคืบหน้าการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าตาสิทธิ์ 3 ("Gulf TS3" หรือ "GTS3") ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้า SPP ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด ตำบลตาสิทธิ์ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง บนที่ดินกรรมสิทธิ์ของGTS3 ซึ่งมีพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร ส่งผลให้โครงการโรงไฟฟ้า GTS3 สามารถเริ่มดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ตามกำหนด โครงการโรงไฟฟ้า GTS3 ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2558 ก่อสร้างแล้วเสร็จวันที่ 31 ตุลาคม 2560 และสามารถดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ตามสัญญาให้แก่กฟผ. จำนวน 90 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 นอกจากนี้ยังได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 32.8เมกะวัตต์และไอน้ำจำนวน 25.0 ตันต่อชั่วโมง ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าว เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ใช้ระบบโคเจนเนอรเรชั่น (Cogeneration) ซึ่งประกอบด้วยเครื่องกังหันก๊าซ (Gas Turbine) ขนาดกำลังการผลิต 46.5 เมกะวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องกังหันไอน้ำ (Steam Turbine) ขนาดกำลังการผลิต 37.0 แมกะวัตต์ จำนวน 1 เครื่อง รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งอยู่ที่ 129.9 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้งอยู่ที่ 25.0 ตันต่อชั่วโมง ความสำเร็จในครั้งนี้ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่จำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์แล้ว 13 โครงการ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ที่จำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์แล้วเช่นกันอีก 4 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งทั้งสิ้น 4,772.1 เมกะวัตต์ "เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยยังมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและจะทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์อีกหลายโครงการ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรมชั้นนำที่ให้ความไว้วางใจ GULF เป็นอย่างดี ด้วยระบบไฟฟ้าที่มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ สามารถรองรับความต้องการไฟฟ้าของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับการขยายตัวของเขตพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ทำให้ GULF สามารถเติบโตและเป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตไฟฟ้าในปัจจุบัน" นางพรทิพา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ