กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--เบรน ยูไนเต็ด
แกรนด์ ยูนิแลนด์ ปลุกกระแสการพัฒนาพื้นที่ทำเลทองย่านเยาวราชระลอกใหม่ หลังทุ่มกว่า 3 พันล้าน ปั้นโครงการมิกซ์ยูส I'm China Town (แอมไชน่าทาวน์) ขนาด 3 หมื่นตารางเมตร บนถนนเจริญกรุง รับดีมานด์ด้านธุรกิจ ที่อยู่อาศัย และที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจต่างชาติ เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมปักธงเปิดโครงการเต็มรูปแบบมีนาคม 2562
นายสุวรรณ เลิศปัญญาโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท แกรนด์ ยูนิแลนด์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอแอมไชน่าทาวน์ จำกัด เปิดเผยว่า "แกรนด์ ยูนิแลนด์ มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและรีเทลมานานกว่า 30 ปี อาทิ โครงการบ้านนวลจันทร์ โครงการอิมพีเรียลพาร์ค สุขุมวิท และสวนหลวง ร.9 โครงการอิมพีเรียล ลากูนา โครงการโอเชี่ยนปาล์ม ภูเก็ต รวมถึงโครงการศูนย์การค้า ONE @ Bobae (วันแอทโบ๊เบ๊) และ I'm Park (แอมพาร์ค สามย่าน) ล่าสุดบริษัทฯ ทุ่มงบประมาณกว่า 3 พันล้านบาทเพื่อ พัฒนา I'm China Town โครงการมิกซ์ยูส สไตล์ Modern Chinese ขนาด 3 หมื่นตารางเมตร บนถนนเจริญกรุง บริเวณหน้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินวัดมังกรกมลาวาส ประกอบด้วยธุรกิจอสังหาฯ 3 ส่วน ได้แก่ ศูนย์การค้า โรงแรม และคอนโดมิเนียม ซึ่งคาดว่ามูลค่าขายโครงการจะอยู่ที่ 4 พันล้านบาท"
ทั้งนี้ ศูนย์การค้า I'm China Town จัดเป็นศูนย์การค้าเต็มรูปแบบเพียงแห่งเดียวในย่านเยาวราช แบ่งออกเป็น 4 ชั้น โดยชั้น B จะเป็นศูนย์รวมของฝากชื่อดังในย่านเยาวราชภายใต้แนวคิด Little China Town อาทิ กระเพาะปลา ใบชา หมูแผ่น สมุนไพรจีน สุราจีน เป็นต้น ส่วนชั้น 1 เป็นแหล่งรวมร้านรีเทลทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เสื้อผ้า แฟชั่น ร้านมือถือ ร้านอาหารและเครื่องดื่มยอดฮิตสตาร์บัคส์ และเคเอฟซี ต่อมาคือชั้น 2 จะเป็นแหล่งรวมความ มั่งคั่ง เพราะมีทั้งศูนย์อัญมณี ร้านทองชื่อดังของเยาวราช และธนาคารชั้นนำ สำหรับชั้น 3 จะเป็นศูนย์รวมร้าน อาหาร อาทิ เอ็มเค บาร์บีคิวพลาซ่า ยาโยอิ และร้านท้องถิ่นสตรีทฟู้ดระดับตำนานของเยาวราช ย่านวรจักร แยกเฉลิมบุรี และเวิ้งนาครเขษม ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ของศูนย์การค้าสามารถปล่อยเช่าพื้นที่ได้แล้วกว่า 70% และ คาดว่าจะสามารถปล่อยเช่าได้เต็มพื้นที่ในวันเปิดศูนย์ฯ โดยคาดว่ารายได้จากการปล่อยเช่าเต็มพื้นที่จะอยู่ที่ 30-40 ล้านบาทต่อเดือน
ในส่วนของโรงแรม บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจกับกลุ่มธุรกิจโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเทลส์ กรุ๊ป หรือ IHG หนึ่งในเชนโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก เพื่อเปิดให้บริการโรงแรมระดับ 4 ดาว ในชื่อ Holiday Inn Express China Town จำนวน 224 ห้อง ตั้งอยู่ชั้น 4-9 ของส่วนศูนย์การค้า โดยจะเน้นจับกลุ่มลูกค้า นักท่องเที่ยว และนักธุรกิจชาวต่างชาติที่ต้องการพักในย่านใจกลางเมือง สะดวกในการเดินทาง เน้นความสะอาด และทันสมัย เหมาะกับทริปธุรกิจและพักผ่อนได้ในตัว สำหรับอัตราค่าห้องพักต่อคืนจะเริ่มต้นที่ 1,800 บาท ซึ่ง บริษัทฯ มั่นใจว่าด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งและแบรนด์ Holiday Inn Express จะทำให้โรงแรมของโครงการฯ มีอัตราในการเข้าพัก หรือ Occupancy Rate ไม่ต่ำกว่า 80% ตลอดทั้งปี
ส่วนของคอนโดมิเนียมมีชื่อว่า I'm China Town Residence เป็นโครงการเดียวที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านเยาวราชเป็น อาคารโลวไรส์สูง 8 ชั้น พื้นที่รวมประมาณ 2,000 ตารางเมตร จำนวน 46 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 21-25 ตารางเมตร เป็นคอนโดมิเนียมแบบตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ในราคาเริ่มต้นที่ 2.9 ล้านบาท เปิดจองใน วันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้โครงการ I'm China Town ยังมีที่จอดรถชั้นใต้ดิน 6 ชั้น รองรับรถยนต์ได้มากถึง 300 คัน ซึ่งเป็นที่ จอดรถที่ใหญ่ที่สุดในย่านเยาวราชอีกด้วย
นายสุวรรณ กล่าวว่า "เยาวราชถือเป็นทำเลทองคำของกรุงเทพฯ มีดีมานด์ในด้านที่อยู่อาศัยและแหล่งค้าขาย ทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจในปริมาณที่สูงมากและเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่องทุกปี อีกทั้งยังมีประชากรและร้านค้าหนาแน่น ที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่นี้มาเป็นเวลานานหลายชั่วอายุคน แต่ธุรกิจอสังหาฯ ของย่านนี้กลับไม่มีพื้นที่ว่างเพื่อการพัฒนามานานกว่า 30 ปี โดยส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ เก่าที่มีค่าเซ้งเปลี่ยนมือในอัตราที่สูงถึงห้องละ 40 ล้านบาท และในบางพื้นที่ยังเป็นเขตอนุรักษ์เมืองเก่าทำให้การ พัฒนาต้องใช้ความระมัดระวังสูง การพัฒนาโครงการ I'm China Town จึงถือเป็นการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ที่ดึงดูดความสนใจของกำลังซื้อย่านเยาวราชอย่างชัดเจนหลังจากที่ขาดซัพพลายมานาน"
"โครงการ I'm China Town ตั้งอยู่บนพื้นที่แปลงใหญ่แปลงสุดท้ายของย่านเยาวราช ซึ่งทำให้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะ มีการพัฒนาอสังหาฯ แปลงใหญ่ในบริเวณนี้หลังจากนี้ จึงเป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนที่ต้องการมีคอนโดฯ ปล่อยเช่าในราคาดี รวมถึงผู้ที่ต้องการเข้ามาทำธุรกิจในย่านนี้ และพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากที่ต้องย้ายจากพื้นที่ เพราะการเวนคืนที่จากการสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และต้องการจะกลับมาทำธุรกิจในย่านนี้อีกครั้ง"
"ปัจจุบัน การก่อสร้างโครงการทั้งหมดเดินหน้าไปแล้วกว่า 30% ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะแล้วเสร็จในสิ้นปี 2561 และพร้อมเปิดเต็มรูปแบบทุกส่วนในเดือนมีนาคม 2562 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสาย สีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง - ท่าพระเปิดให้บริการ" นายสุวรรณ กล่าวทิ้งท้าย