กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ GPI เตรียมเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 100 ล้านหุ้น หลัง ก.ล.ต. นับหนึ่งแบบไฟลิ่ง คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในปีนี้ ด้านผู้บริหารโชว์ศักยภาพธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ในฐานะผู้จัดงานBangkok International Motor Show และงาน Bangkok Used Car Show และศักยภาพของธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อรูปแบบใหม่ด้านยานยนต์และไลฟ์สไตล์ตลอดจนธุรกิจรับจ้างพิมพ์ พร้อมวางเป้าหมายขยายการจัดงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับยานยนต์ไปในต่างประเทศ และขยายการจัดกิจกรรมการตลาดไปในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงมีนโยบายซื้อเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่รองรับการพิมพ์และวัสดุที่ใช้พิมพ์ได้อย่างหลากหลาย
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินเปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 100 ล้านหุ้น ซึ่งล่าสุด ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบัน บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ0.50 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว 250 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนเกิน100 ล้านหุ้นหรือคิดเป็นร้อยละ 16.67 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะนำไปใช้ในการปรับปรุงเครื่องจักรในโรงพิมพ์และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการต่อไป
สำหรับ GPI เป็นผู้นำการสร้างสรรค์สื่อนวัตกรรมยานยนต์และการจัดกิจกรรมครบวงจร เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่นานาชาติ โดยเริ่มต้นจากการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายนิตยสารด้านยานยนต์ และได้ขยายธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ ด้วยการออกนิตยสารด้านยานยนต์และไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมอีกหลายฉบับ รวมถึงขยายธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและมีศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งปัจจุบัน GPI แบ่งโครงสร้างธุรกิจหลักเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด2.กลุ่มธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อรูปแบบใหม่ และ 3.กลุ่มธุรกิจรับจ้างพิมพ์
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้นำการสร้างสรรค์สื่อนวัตกรรมยานยนต์และการจัดกิจกรรมครบวงจร เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่นานาชาติ กล่าวว่า บริษัทฯ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมากว่า 47 ปี โดยเริ่มต้นเมื่อปี 2513 ได้เปิดตัวนิตยสารกรังด์ปรีซ์เป็นฉบับแรก หลังจากนั้นในปี 2522 ได้เริ่มจัดงานมหกรรมรถยนต์ครั้งที่ 1 (ปัจจุบันคืองาน Bangkok International Motor Show) ในปี 2552 ได้ริเริ่มจัดงานมหกรรมยานยนต์รถมือสองและยนตรกรรมนำเข้า (ปัจจุบันคืองาน Bangkok Used Car Show) และเริ่มจัดทำเว็บไซต์หลักใหม่ของบริษัทฯ (www.grandpix.co.th) เพื่อเป็นสื่อหลักและศูนย์กลางนำเสนอข่าวและสาระด้านยานยนต์
"เรามีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำการสร้างนวัตกรรมในการนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร ความบันเทิงและการจัดกิจกรรมอย่างครบวงจรสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และไลฟ์สไตล์ โดยมีความมั่นใจในศักยภาพธุรกิจ ถึงแม้ในปัจจุบันการดำเนินธุรกิจจะมีความท้าทายมากขึ้น แต่เราไม่เคยหยุดนิ่งที่หาโอกาสสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง" ดร.ปราจิน กล่าว
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านการตลาดและการขาย GPI เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เป็นกลุ่มที่สร้างรายได้หลัก คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 83% ของรายได้จากการขายและบริการในปี 2559 ปัจจุบันบริษัทฯ มีการจัดงานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการจัดแสดงยานยนต์ 2 งานต่อปี (ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.ของทุกปี) ได้แก่ 1.งาน Bangkok International Motor Show ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตกรรมด้านยานยนต์ รถต้นแบบ ยนตรกรรม รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ ที่มีบริษัทยานยนต์เข้าร่วมออกบูธเป็นจำนวนมาก และมีผู้เข้าชมมากกว่า 1.6 ล้านคนต่อปี โดยบริษัทยานยนต์จะใช้งานนี้เป็นเวทีเปิดตัวบูธจัดงานรูปแบบใหม่เป็นลำดับต้นๆ ของโลกและเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่จัดงานประมาณ 170,000 ตารางเมตร และถือเป็นหนึ่งในงานแสดงยานยนต์ระดับแนวหน้าของประเทศที่มีความยิ่งใหญ่และสำคัญงานหนึ่งของโลก รวมถึงเป็นงานมหกรรมยานยนต์เพียงงานเดียวในประเทศไทยที่ได้รับรองการจัดงานจากสมาคม OICA และ2.งาน Bangkok Used Car Show ซึ่งเป็นงานแสดงและจำหน่ายรถยนต์หรูมือสองและรถยนต์มือสองคุณภาพดีจากผู้จำหน่ายรถยนต์มือสองที่มีชื่อเสียง ปัจจุบันมีพื้นที่จัดงานประมาณ 20,000 ตารางเมตร โดยคาดว่าจากภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เริ่มฟื้นตัวจะส่งผลดีต่อการจัดงานแสดงสินค้าด้านยานยนต์ส่วนธุรกิจการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่เป็นของบริษัทฯ อาทิ การจัดแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ (Motor Sport) การแข่งขันรถยนต์ควอเตอร์ไมล์ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดตามความต้องการของลูกค้า อาทิ งานทดสอบสมรรถนะยานยนต์ชั้นนำในประเทศไทย กิจกรรมแรลลี่รถยนต์และคาราวาน และการจัดแข่งขันเครื่องบินภายใต้ชื่อ 'Air Race 1' ให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยเป็นการแข่งขันเครื่องบินครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียที่มีเครื่องบินระดับโลกเข้าแข่งขัน
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน โดยมีเป้าหมายขยายการจัดงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับยานยนต์ในต่างประเทศ เช่น ประเทศในแถบอาเซียน เป็นต้น และขยายการจัดงานแสดงสินค้าไปในอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยได้ริเริ่มจัดงานมหกรรมอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่1 ซึ่งเป็นแสดงของใช้และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา และเตรียมจัดงานต่อเนื่องในช่วงเวลาเดียวกันของปีนี้ ขณะเดียวกัน จะรุกขยายการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่หลากหลายขึ้น
นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านการผลิตสื่อ GPI เปิดเผยว่า สำหรับธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อรูปแบบใหม่ มีรายได้จากการผลิตและจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ เช่น นิตยสารกรังด์ปรีซ์ นิตยสารออฟโรด นิตยสารมอเตอร์ไซด์ และนิตยสารเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ อาทิ นิตยสารการาจไลฟ์ และได้รุกเข้าสู่ธุรกิจสื่อรูปแบบใหม่ อาทิ นิตยสารในรูปแบบดิจิทัล สื่ออินเทอร์เน็ต (Website) และสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เช่น www.grandprix.co.th เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเป็นผู้รับจ้างผลิตและจัดส่งสิ่งพิมพ์ประเภทต่างๆ อาทิ หนังสือ นิตยสาร วารสาร แค็ตตาล็อก แผ่นพับ ใบปลิว โบชัวร์ ปฏิทินและสิ่งพิมพ์อื่นๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความครบวงจรให้กับการดำเนินธุรกิจด้านการผลิตสื่อและให้บริการแก่ลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายที่จะซื้อเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ที่สามารถพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์ กระดาษห่อสินค้า ป้ายโฆษณา และงานพิมพ์บนกระดาษ อาทิ กระดาษอาร์ตเทียม กระดาษ LMC กระดาษไข ฯลฯ เพื่อรองรับงานพิมพ์และวัสดุที่ใช้พิมพ์ที่หลากหลายขึ้น เพื่อขยายธุรกิจการรับจ้างพิมพ์ไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ จากเดิมที่เน้นการรับจ้างพิมพ์นิตยสาร
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 2560) บริษัทฯ มีรายได้รวม 631.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 624.16 ล้านบาท ซึ่งมาจากกลุ่มธุรกิจรับจ้างพิมพ์ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิ 186.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 172.68 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลง นอกจากนี้ ยังมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อทุนต่ำเพียง 0.05 เท่า (ณ สิ้นไตรมาส 2/60) สะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง