กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก มองตลาดหุ้นไทยขานรับภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยืนในระดับสูงเหนือ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงปลายปีที่ปรับดีขึ้น มองดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,690 – 1,730 จุด แนะสะสมหุ้นกลุ่มพลังงานขานรับราคาน้ำมัน ได้แก่ PTTEP รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีประเด็นบวกจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังหนุนผลประกอบการเติบโต ชู TPIPP และกลุ่มค้าปลีกที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการช้อปช่วยชาติ แนะนำ CPALL-COM7-SYNEX-ROBINS-HMPRO และ BJC ด้านราคาทองคำ คำแนะนำให้ผู้ลงทุนจับจังหวะ trading ในช่วงระหว่างกรอบรับหลักที่ 1,240–1,260 ดอลลาร์ กับแนวต้านจิตวิทยา 1,300 ดอลลาร์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกราคาน้ำมันยืนที่ระดับสูงเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลหลังประเทศซาอุฯปราบปรามทุจริตครั้งใหญ่ และแนวโน้มในการขยายเวลาลดกำลังการผลิตไปจนถึงปลายปี 2561 เป็นผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน
รวมถึงร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการซึ่งมีแนวโน้มที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะโหวดได้ก่อนวันขอบคุณพระเจ้า และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีหนุนการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปี
ส่วนปัจจัยที่มีผลลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้มาจาก Fund Flow ผันผวน ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติ Net Sell สะสมเพิ่มเป็น 1.45 หมื่นล้านบาท และการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบหน้าในเดือนธันวาคม
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 8 พ.ย. กำหนดประชุมคณะกรรมการกนง. วันที่ 14 พ.ย. กำหนดวันสุดท้ายในการส่งงบ Q3/2560 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และก่อนวันที่ 22 พ.ย. สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐโหวดร่างกฏหมายปฏิรูปภาษี
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยืนในระดับสูงเหนือ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงปลายปีที่ปรับดีขึ้น โดยมีปัจจัยกดดันจาก Fund Flow ที่ผันผวนและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในการประชุมเดือนหน้า ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,690 – 1,730 จุด
ทั้งนี้ แนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงานขานรับราคาน้ำมัน ได้แก่ PTTEP(หลีกเลี่ยงกลุ่มโรงกลั่น) รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีประเด็นบวกจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังหนุนผลประกอบการเติบโต แนะนำ TPIPP และกลุ่มค้าปลีกที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการช็อปช่วยชาติ แนะนำ CPALL, COM7, SYNEX, ROBINS, HMPRO และ BJC
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า การเยือนเอเชีย 11 วันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นการเน้นย้ำความสัมพันธ์ทางการค้าและการฑูตในแนวทางที่ดี โดยจะช่วยลดความรุนแรงและโอกาสการเผชิญหน้ากันในคาบสมุทรเกาหลี อย่างไรก็ตาม ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศในอาเซียนที่ทรัมป์จะเดินทางเยือนในช่วงท้ายนั้นเป็นที่น่าจับตามองมากกว่า เพราะหากเป็นการกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้นจะเป็นเรื่องดีต่อทั้งภูมิภาค แต่ถ้าเน้นสงวนท่าทีความขัดแย้งระหว่างชาติมหาอำนาจเกี่ยวกับเรื่องเขตแดนจะยังเป็นความเสี่ยงสำคัญ
สำหรับปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในช่วงสัปดาห์นี้ ได้แก่ ระดับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นไปทรงตัวอยู่ในระดับสูง หากมีความต่อเนื่องจะทำให้ภาวะเงินเฟ้อเกิดการขยายตัว และจะช่วยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ จึงเป็นผลดีต่อราคาทองคำที่ได้แรงบวกในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ และจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ที่ได้รับผลลบจากภาวะเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม ด้วยมุมมองความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม Fed เดือนธันวาคมนี้และคาดว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการปรับลดงบดุลตามแผนที่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ทำให้ภาพในระยะกลางยังไม่เห็นว่าราคาทองคำจะสามารถพลิกกลับมาเป็นขาขึ้นได้ ฝ่ายวิจัยจึงคงคำแนะนำให้ผู้ลงทุนจับจังหวะ trading ในช่วงระหว่างกรอบรับหลักที่ 1,240–1,260 ดอลลาร์ กับแนวต้านจิตวิทยา 1,300 ดอลลาร์