กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.20 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดทรงตัวที่ 33.12 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลงมติด้วยเสียงเอกฉันฑ์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ตามความคาดหมาย ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย ด้วยมูลค่า 3.9 พันล้านบาท และ 1.8 พันล้านบาท ตามลำดับ ส่วนดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ หลังมีความกังวลมากขึ้นต่อแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ ที่มีสัญญาณว่าจะล่าช้าออกไป ส่วนเงินปอนด์ยังคงผันผวนเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในอังกฤษ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดการเงินจะให้ความสนใจกับข้อมูลยอดค้าปลีกและดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ขณะที่ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และ 2 ปี ปรับสู่ระดับแคบสุดนับตั้งแต่ปี 2550 สะท้อนว่านักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการผลักดันมาตรการด้านการคลังของรัฐบาลทรัมป์ อีกทั้งเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำผิดปกติสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ใกล้ถึงปลายวัฎจักรของการฟื้นตัว เรามองว่าสถานการณ์เช่นนี้จะจำกัดแรงซื้อเงินดอลลาร์ต่อไป
สำหรับปัจจัยในประเทศ กนง.ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น จากการส่งออกและการท่องเที่ยวรวมถึงการบริโภคภาคเอกชน ขณะที่การลงทุนภาครัฐยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ แม้การเบิกจ่ายจะชะลอลง อย่างไรก็ดี กนง.ระบุว่า กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังไม่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานานซึ่งอาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงที่ต่ำเกินจริง กนง.ประเมินอีกด้วยว่า ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินคู่ค้าและคู่แข่งค่อนข้างมีเสถียรภาพ แต่ในอนาคตอัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มผันผวนจากความไม่แน่นอนของตลาดโลก ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังมีทิศทางปรับสูงขึ้นอย่างช้าๆ และคาดว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในกลางปี 2561 ทั้งนี้ ท่าทีล่าสุดของกนง.แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากการประชุมในเดือนกันยายน โดยบ่งชี้ถึงความระมัดระวังต่อปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และเงินเฟ้อที่ยังต่ำ แม้แรงส่งเชิงบวกของเศรษฐกิจจะสามารถประคองตัวได้ดี สนับสนุนมุมมองของเราที่ว่าทางการจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% ก่อนจะเริ่มตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2561