กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดบูธกิจกรรมนำเสนอแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน ในงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 45 ณ อิมแพ็คเมืองทองธานี คัดสรรสินค้าและบริการ ผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาชาวบ้าน รวมถึงแพ็คเกจการท่องเที่ยววิถีชุมชนในราคาพิเศษทั้ง 10 ชุมชน ในกิจกรรม Village Tourism 4.0 ภายใต้โครงการ Village To The World 4.0
โดยได้รับเกียรติจากนายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ ที่ปรึกษา 9 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเหล่าศิลปินดาราที่มาร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมอย่าง ริชชี่ อรเณศ, อ๊อฟ ศุภณัฐ, บัวชาว บัญชาเมฆ, เชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล, อารี และ อนุชา ประธาน วงแฮมเมอร์ รวมถึงดารานักแสดงรับเชิญพิเศษที่มาร่วมสร้างสีสันภายในบูธกิจกรรมอย่าง หยาดทิพย์ ราชปาล และ ลี ฐานัฐพ์
หลังจากที่เยี่ยมชมบูธกิจกรรมแล้ว นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ ที่ปรึกษา 9 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงกิจกรรมในครั้งนี้ว่า ""ทางททท.ได้ทำการเปิดตัวชุมชนต้นแบบ ทั้ง 10 ชุมชนสู่สาธารณะไปก่อนหน้านี้ ครั้งนี้ เราต้องการช่วยกระตุ้นรายได้ให้กับชุมชนโดยตรง เพราะงานไทยเที่ยวไทยนี้เป็นงานที่นักท่องเที่ยว จะมาหาซื้อแพ็คเกจการท่องเที่ยวในราคาดีๆ ททท.จึงจัดบูธขึ้นเพื่อนำเสนอการท่องเที่ยวของทั้ง 10 ชุมชนในกิจกรรม Village Tourism 4.0 ให้เป็นทางเลือกแก่นักท่องเที่ยวภายในงาน ซึ่งทั้ง 10 ชุมชนพร้อมแล้วที่จะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ใครที่สนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลของแต่ละชุมชนเพิ่มเติมได้ที่ www.tourismthailand.org/villagetourism ในนั้นจะมีข้อมูลการท่องเที่ยวทั้ง 10 ชุมชน รวมถึงราคาแพ็คเกจการท่องเที่ยว และช่องทางการติดต่อชุมชนโดยตรง นอกจากนี้ ทริปท่องเที่ยววิถีชุมชนยังเป็นทางเลือกที่ให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวได้ตลอดไปไม่มีหมดเขตครับ""
ชุมชนต้นแบบทั้ง 10 ชุมชน จากกิจกรรม Village Tourism 4.0 ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวชุมชนในภาคเหนือ คือชุมชนดอยปู่หมื่น จ.เชียงใหม่ กับวิถีท่องเที่ยวแบบ Life of tea ชุมชนนี้มีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นคือชาอัสสัมสำเร็จรูป, น้ำผึ้งป่า และสินค้าทางการเกษตร ส่วนแพ็คเกจท่องเที่ยวนำเสนอ อาทิ การชมป่าชาอัสสัมแห่งเดียวในประเทศไทย ชมชาต้นแรกที่ได้รับพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 การเก็บชาอัสสัม และเที่ยวน้ำตกปู่หมื่น การร่วมทำอาหารพื้นบ้าน เช่น ไก่ย่าง, หมูหลาม, การหุงข้าวในกระบอกไม้ไผ่ พร้อมชมการแสดงของชนเผ่าลาหู่ หากเดินทางมาเป็นกลุ่ม (ไม่เกิน 8 ท่าน) สามารถเลือกแพ็คเกจท่องเที่ยวแบบ 1 วัน ในราคาเพียง 670 บาท ต่อคน หรือ แบบ 2 วัน 1 คืน พร้อมโฮมสเตย์ ในราคาเพียง 1,020 บาทต่อคน
ชุมชนตำบลบ้านแซว จ.เชียงราย กับวิถีท่องเที่ยวแบบ Harmonious Mae Kong มีกิจกรรมทานอาหารขันโตก พร้อมชมการแสดงของชาวบ้าน เที่ยวบ้านแม่แอบ ชมวัฒนธรรมและชิมอาหารพื้นเมือง 5 ชนเผ่า นั่งรถอีต๊อกเที่ยวชมหมู่บ้าน ชมแม่น้ำโขง ร่วมเรียนรู้ในฐานการเรียนรู้ อาทิ การทำเกษตร ทำสวนถั่วดาวอินคา สวนเสาวรส การจักสาน ปั่นจักรยาน ชมสวนเกษตรปลอดสารเคมีซึ่งเป็นสวนเกษตรตามรอยพ่อ แพ็คเกจท่องเที่ยวมีแบบ 2 วัน 1 คืน ในราคาเริ่มต้นที่ 1,490 บาทต่อคนเท่านั้น พร้อมที่พักโฮมสเตย์ริมแม่น้ำโขง
แหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้ คือชุมชนแหลมสัก จ.กระบี่ กับวิถีท่องเที่ยวแบบ Variety for all กับกิจกรรมพายเรือคายัค ล่องเรือรอบอุทยานทางทะเลอ่าวลึก ชมกระชังสาหร่ายพวงองุ่นและปลาทะเล รับประทานข้าวคลุกกะปิฝีมือชาวบ้านที่ทำจากกุ้งเคย ชมกรรมวิธีการทำกะปิ ร่วมปลูกกล้วยไม้รองเท้านารี แพ็คเกจท่องเที่ยวมีทั้งแบบ 1 วัน และ 2 วัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 2,000 บาท
ชุมชนบ้านลำขนุน จ.ตรัง กับวิถีท่องเที่ยวแบบ Pure nature with the southern touch ประกอบด้วยกิจกรรมพายเรือคายัค 5 ลำคลอง ชมการแกะสลักหนังตะลุง ชมวิถีชีวิตเกษตร เที่ยวน้ำตกน้ำตกสายรุ้ง มีโฮมสเตย์ให้พักค้างได้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,100 บาทต่อคนเท่านั้น
แหล่งท่องเที่ยวในภาคตะวันออก คือชุมชนรักษ์เขาบายศรี จ.จันทบุรี กับวิถีท่องเที่ยวแบบ Gastro Paradiso เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวสำหรับนักชิมโดยเฉพาะ กิจกรรมเริ่มต้นที่การทัวร์สวนผลไม้ สามารถเก็บผลไม้รับประทานได้ด้วยตัวเอง ชมการสาธิตการเก็บผลไม้ชนิดต่างๆ กิจกรรมปั่นจักรยานท่องเที่ยวในชุมชน สำหรับของฝากขึ้นชื่อ เช่น ทุเรียนทอด, ทุเรียนกวน, น้ำมังคุด เป็นต้น ชุมชนมีโฮมสเตย์รองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักค้าง กิจกรรมนี้ราคาเริ่มต้นเพียง 890 บาท
ส่วนชุมชนบ้านแหลมมะชาม จ.ตราด กับวิถีท่องเที่ยวแบบ Magical Mangroves เริ่มจากการนั่งรถซาเล้งชมศูนย์เรียนรู้ ภูมิปัญญาหัตถกรรมงานจักสาน เยี่ยมชมบ้านหุ่นไม้กระดาน นั่งเรือศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ชมวิถีประมงพื้นบ้าน สักการะเจ้าแม่ปากคลอง ชมเหยี่ยวแดง จับหอยปากเป็ด ชมโต๊ะวาลี ชมแหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ รัชกาล 5 ณ บ้านอาจารย์สมโภชน์ วาสุกรี ชมวิวเกาะช้าง กิจกรรมต่างๆ นี้ราคาเริ่มต้นเพียง 1,300 บาทเท่านั้น
แหล่งท่องเที่ยวภาคกลาง เริ่มต้นกับกิจกรรมล่องเรือตามรอยเสด็จประพาสต้น รัชกาลที่ 5 กับวิถีท่องเที่ยวแบบ Royal Excursion ของชุมชนตำบลบ้านแหลม จ.สุพรรณบุรี กิจกรรมท่องเที่ยวเริ่มจากการล่องเรือชมความงามสองฝั่งคลอง พร้อมรับประทานอาหารบนเรือ แถมบริการผ่อนคลายด้วยการนวดไทยบนเรือ ไหว้พระวัดดังในบางปลาม้า ชมการสาธิตการทำขนมไทยโบราณ การทำน้ำพริกเผาโบราณ ร่วมกิจกรรมจักสานจากผักตบชวา หากเดินทางมาเป็นกลุ่ม 20 ท่านขึ้นไป รับสิทธิพิเศษในราคาเพียง 650 บาทต่อท่าน
ชุมชนตำบลหนองโรง จ.กาญจนบุรี กับวิถีท่องเที่ยวแบบ Living Forest กิจกรรมท่องเที่ยวเริ่มด้วยการนั่งรถชมป่าชุมชน เรียนรู้ฐานความรู้ในป่าจำนวน 35 ฐาน หัดทำแหวนจากเถาวัลย์ทอง ชมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากต้นตาล ชมสวนเกษตรผสมตามแนวพระราชดำริ และชมการทอผ้าข้าวม้า กิจกรรมท่องเที่ยวนี้ราคาเริ่มต้นเพียง 600 บาทต่อคนเท่านั้น
แหล่งท่องเที่ยวในภาคอีสาน คือชุมชนบ้านสวาย ต.สวาย จ.สุรินทร์ กับวิถีท่องเที่ยวแบบ Weaving Town กิจกรรมท่องเที่ยวประกอบด้วยการชมศูนย์การเรียนรู้การย้อมผ้าไหมด้วยสีธรรมชาติ จับจ่ายตลาดผ้าไหมใต้ถุนเรือนของช่างทอในชุมชน ชมโรงงานอุตมะไหมไทย เจ้าของงานผ้าไหมแห่งละครนาคี กิจกรรมล่องเรือชมลำน้ำชี ชมวิถีคนเลี้ยงวัว ชมพระอาทิตย์ตกที่เขาสวาย กิจกรรมท่องเที่ยวนี้ราคาเริ่มต้นที่ 1,400 บาทเท่านั้น แถมรับผ้าพันคอไหมผลิตภัณฑ์จากชุมชนกลับบ้านเป็นของที่ระลึกอีกด้วย
ชุมชนบ้านสนวนนอก อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ กับวิถีท่องเที่ยวแบบ Thai Silk Full Circle กิจกรรมประกอบด้วยฐานการเรียนรู้กระบวนการผลิตผ้าไหม ตั้งแต่การปลูกหม่อน เลี้ยงไหม สาวไหม ทอผ้าไหม เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเกษตรอินทรีย์ การทำจักสานงานหัตถกรรมพื้นบ้าน และการประดิษฐ์นกจากกะลามะพร้าว ชมการแสดงพื้นบ้านบายศรีสู่ขวัญ การรำตรด กันตรึม นั่งรถกระสวยชมท้องนาและหมู่บ้าน ร่วมทำอาหารพื้นบ้าน เข่น แกงกล้วย, ขนมตดหมา ฯลฯแพ็คเกจท่องเที่ยวมีให้เลือกแบบ 1 วัน และ 2 วัน ราคาเริ่มต้นเพียง 980 บาทเท่านั้น
ทั้งหมดนี้ ททท.ได้จัดขึ้นเพื่อช่วยชุมชนในการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการเพื่อการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นทางเลือกใหม่ๆ สำหรับนักเดินทางที่ชื่นชอบการเดินทางเพื่อสร้างประสบการณ์ดีๆ ในท้องถิ่น ซึ่งกิจกรรมเพื่อการท่องเที่ยวเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยให้เกิดขึ้นในชุมชน ช่วยสร้างรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้น เป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศแบบวิถีชุมชนให้มีความยั่งยืน สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่www.tourismthailand.org/villagetourism