กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--วิวาลดี้ อินทิเกรเต็ด พับลิค รีเลชั่นส์
เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2560 นางเหวียน ถิ เฟือง เถา ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินเวียตเจ็ท ได้รับเกียรติเป็นหนึ่งในผู้ร่วมปาฐกถา ในช่วงที่ 5 หัวข้อ ""Connecting for Growth"" ในการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก ""APEC CEO SUMMIT 2017"" ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด ""Creating New Dynamism, Fostering a Shared Future"" ณ เมืองดานัง เวียดนาม ช่วง 8 – 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เนื่องจากสายการบินเวียตเจ็ทคือสายการบินยุคใหม่รายแรกของเวียดนามที่สามารถสร้างปรากฏการณ์แก่ภาคธุรกิจการบินของภูมิภาค และยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงส่งเสริมให้รัฐบาลหันมาลงทุนพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในอุตสาหกรรมการบินเชิงพาณิชย์ และเร่งรัดแผนงานการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในกิจการที่รัฐบาลเป็นผู้ถือครอง ภายในงาน นางเหวียน ถิ เฟือง เถา ได้ร่วมแบ่งปันมุมมองธุรกิจและแสดงวิสัยทัศน์ในการดำเนินงานสายการบินที่ทำให้เวียตเจ็ทสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในอุตสาหกรรมการบินได้อย่างต่อเนื่อง และได้กลายเป็นหนึ่งในสายการบินที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก
นางเหวียน ถิ เฟือง เถา ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารสายการบินเวียตเจ็ท กล่าวในการปาฐกถาว่า ""ฉันไม่เชื่อว่าสิ่งนี้คือความทะเยอทะยาน หากแต่เป็นความฝัน ฉันยังจำคติพจน์ที่กล่าวไว้ว่า 'จงฝันให้ยิ่งใหญ่และกระทำตนเหมือนนางฟ้า'
เราทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นจริง เราทำให้ฝันกลายเป็นจริง ต้องขอบคุณเวียตเจ็ทที่ทำให้ในวันนี้ผู้โดยสารนับล้านได้มีโอกาสเดินทางเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วยเครื่องบินของเวียตเจ็ท และฉันรู้สึกยินดีมากที่ได้เห็นว่า มิได้มีเพียงชาวเวียดนามเท่านั้น หากยังมีชาวจีน ชาวไต้หวัน ชาวเกาหลี และอีกมากมาย""
การเข้าสู่ธุรกิจการบินของเวียตเจ็ท เป็นการพลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมการบินของเวียดนาม โดยทำให้สนามบินกว่า 20 แห่งในเขตภูเขาและพื้นที่ห่างไกลของเวียดนาม กลับมีความคึกคักขึ้นด้วยเที่ยวบินของเวียตเจ็ท ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจในพื้นที่นั้นๆเติบโตขึ้นอีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังเกิดขึ้นกับธุรกิจการคมนาคมของเวียดนามด้วยเช่นกัน ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน นโยบาย และกฎระเบียบของสนามบิน ตลอดจนการบริหารจัดการ โครงการผลิตอะไหล่และชิ้นส่วนเครื่องบิน โครงการฝึกอบรม โครงการด้านเทคนิค ฯลฯ หลังจากเปิดดำเนินงานมาเพียง 5 ปี เวียตเจ็ทก็สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในประเทศได้มากที่สุด และกลายเป็นผู้ให้บริการสายการบินภายในประเทศรายใหญ่ที่สุด เราคือผู้นำเทรนด์ด้วยวิสัยทัศน์ระดับโลก และมุ่งมั่นก่อตั้งบริษัทข้ามชาติและสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานแบบหลายวัฒนธรรมกับพนักงานจากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ด้วยคำขวัญของเรา 'Sky Connection' โดยเส้นทางการบินระหว่างประเทศของเวียตเจ็ทมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของเส้นทางการบินของเรา
ฉันคิดว่า นอกเหนือจากเป้าหมายด้านผลกำไร ภารกิจที่สำคัญยิ่งกว่าของผู้ประกอบการคือการสร้างมูลค่าใหม่ๆ โดยเฉพาะมูลค่าใหม่สำหรับสังคมส่วนรวม หากคุณสามารถนำเสนอบริการการเดินทางต้นทุนต่ำในราคาประหยัดโดยมีประสิทธิภาพและกำลังการผลิตสูง คุณก็จะสามารถรักษาทรัพยากรทางเศรษฐกิจในสังคมของคุณได้ ทั้งยังช่วยกระตุ้นความต้องการด้านการเดินทาง การท่องเที่ยว และการค้าไปพร้อมๆกัน
เมื่อเราลงทุนสร้างฝูงบินขนาดใหญ่ด้วยเครื่องบินมากกว่า 200 ลำ เราได้เพิ่มขีดความสามารถให้แก่อุตสาหกรรมการบินเวียดนาม รวมถึงเศรษฐกิจของเวียดนามและกลุ่มประเทศอาเซียนซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
เราขยายเครือข่ายการบินระหว่างประเทศของเราด้วยการทำข้อตกลงร่วมการขนส่งผู้โดยสารกับสายการบินรายใหญ่ของโลก ซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้วกับทั้ง กาตาร์ แอร์เวย์, เจแปน แอร์ไลน์ และกับสายการบินเอเซียน่า ในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ เรากำลังทำงานร่วมกับสายการบินในสหรัฐฯ และในสหภาพยุโรป เพื่อสร้างความร่วมมือในอนาคต โดยปกติสายการบินต้นทุนต่ำทั่วไปนั้นจะพาผู้โดยสารบินไปในรัศมีไม่เกิน 3 ชั่วโมง แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้โดยสารของเวียตเจ็ทจะสามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางมากมายทั่วโลก นอกจากนั้นเรายังพัฒนาสายการบินให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยการใช้ระบบอี-คอมเมิร์ซ และระบบการขนส่งและระบบการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เราเป็น สายการบินสำหรับผู้บริโภค อย่างแท้จริง
เราคือผู้นำเทรนด์การใช้งานระบบดิจิทัลและระบบอัตโนมัติด้วยการเปลี่ยนแปลงสู่เทคโนโลยี 4.0 ซึ่งฉันเชื่อว่าทิศทางการดำเนินงานนั้นมีบทบาทสำคัญในการบรรลุซึ่งเป้าหมายของ ""การเชื่อมโยงเพื่อสร้างการเติบโต (Connecting for Growth)""
วันนี้กล่าวได้ว่า ""เวียตเจ็ท คือ ความภาคภูมิใจของเรา"" วัฒนธรรมองค์กรอันเป็นแบบฉบับของเวียตเจ็ท คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของแผนการทำงาน กลยุทธ์ และความมุ่งมั่นทั้งปวงของเรา
เราทุกคนภาคภูมิใจที่ได้เป็นสมาชิกขององค์กร เราเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า การเชื่อมโยงระหว่างอารยธรรม ประเทศและวัฒนธรรม รวมถึงภาคธุรกิจต่าง ๆ ที่ช่วยสร้างระบบนิเวศเพื่อการพัฒนามนุษย์และการเติบโตทางเศรษฐกิจ จะทำให้เรามีอนาคตที่สดใสและเจริญรุ่งเรืองรออยู่เบื้องหน้า และเราขอทุ่มเทเพื่อให้อนาคตนั้นเป็นจริงในอีกไม่ช้า""