CHO โชว์งบ Q3/60 กำไรพุ่ง 145.21% รายได้แตะ 601 ลบ. ประกาศเพิ่มทุน 539 ล้านหุ้นขาย RO-PP เพิ่มศักยภาพการเติบโต

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 14, 2017 15:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--IR network บมจ. ช ทวี หรือ CHO เปิดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 เติบโตโดดเด่น ฟันรายได้ 601.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133.21% และมีกำไร 14.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 145.21% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ด้านบิ๊กบอสคนเก่ง ""สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย"" เผยออร์เดอร์ใหม่จากในและต่างประเทศ เข้ามาไม่ขาดสาย มีงานเก็บเอาไว้ในสต็อกแล้ว 2,366 ล้านบาท เชื่อมั่นอนาคตจะสามารถสร้างผลงานเติบโตต่อเนื่อง พร้อมเผยวันนี้บอร์ดมีมติให้เพิ่มทุน 539,882,531 โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ เพิ่มทุนแบบ General Mandate ซึ่งจะขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมและแบบกำหนดวัตถุประสงค์จะขายให้กับ "Macquarie Bank Limited" ชี้ชัดเพิ่มทุนครั้งนี้เสริมศักยภาพของบริษัทให้แข็งแกร่ง มีศักยภาพรองรับการขยายธุรกิจและงานประมูลที่จะมีเพิ่มเติมในอนาคต นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) (CHO) ประกอบธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ สร้างสรรค์ ผลิตตัวถังและติดตั้งระบบวิศวกรรมที่เกี่ยวกับยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมทั้งเป็นผู้ผสานเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบราง และโลจิสติกส์เข้ากับการจัดการอย่างมืออาชีพ เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2560 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 601.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 343.85 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 133.21% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 47.19 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 145.21% ""ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2560 เป็นที่น่าพอใจและเป็นไปตามแผนงานที่วางเอาไว้ สามารถกลับมารับงานได้ปกติ แตกต่างจากปีก่อนที่มีการจัดเตรียมพื้นที่โรงงานเพื่อรอรับงานใหญ่ที่เคยชนะการประมูล ทำให้มียอดขายเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นในส่วนของงานในประเทศในกลุ่มสินค้ามาตรฐานประเภทรถบรรทุก รถโดยสาร และยอดขายต่างประเทศในกลุ่มสินค้าออกแบบพิเศษงาน อีกทั้งมีรายได้จากงานบริการเพิ่มมากขึ้นจากงานบริการซ่อมรถบรรทุกมือสองและรายได้จากศูนย์บริการซ่อมรถบรรทุกที่เปิดใหม่ ""สิบล้อ 24 ชั่วโมง"" ซึ่งมีสัดส่วนกำไรสูงกว่างานผลิต ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงในส่วนของค่าที่ปรึกษาทางกฎหมายอีกด้วย"" เขากล่าวต่อถึงผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 1,167.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 498.78 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 74.59% อย่างไรก็ตามกลับมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 41.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเพียง 0.04 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 0.09% ซึ่งมาจากต้นทุนการพัฒนาผลิตใหม่ และค่าใช้จ่ายในการติดตั้งซอฟท์แวร์ที่ใช้ในการบริหารจัดการระบบข้อมูล (SAP by Design) ซึ่งเริ่มใช้งานไปเมื่อต้นปี 2560 แต่บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าเมื่อระบบต่างๆ คงที่แล้วต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ จะลดลงตามไปด้วยเช่นกัน ขณะที่ ปัจจุบันบริษัทฯ มีปริมาณงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 2,366 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2560 เป็นต้นไป ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างรอลุ้นผลการประมูลงานใหม่ทั้งในและต่างประเทศอยู่จำนวนมาก ทำให้เราเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นในที่สุด นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2560 ได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 134,970,632.75 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 295,735,443.25 บาท เป็น 430,706,076.00 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 539,882,531 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ซึ่งมี 2 แบบ ได้แก่ การเพิ่มทุนแบบกำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้เงินทุน เพื่อจัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) ให้กับ Macquarie Bank Limited จำนวนไม่เกิน 185,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท และการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 354,882,531 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็นร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) และจำนวนไม่เกิน 118,294,177 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ในแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) โดยอาจจะขายครั้งเดียวทั้งหมดหรือแบ่งเป็นคราวๆ ก็ได้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนมาใช้สำหรับหมุนเวียนภายในกิจการในครั้งนี้จะช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและรองรับการขยายธุรกิจหลักของบริษัทฯ รวมทั้งเสริมสร้างให้บริษัทฯ มีฐานะเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อรองรับงานโครงการอื่นๆ ทั้งที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน และที่คาดว่าจะประมูลได้เพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลดีต่อการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนในตลาดเงิน ซึ่งจะส่งผลให้สามารถลดภาระหนี้สินจากการกู้ยืมเงิน และสามารถลดค่าใช้จ่ายทางการเงินของบริษัทฯ ได้ ทั้งนี้ได้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561ในวันที่ 9 มกราคม 2561 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญครั้งนี้ (Record Date) ในวันที่ 6 ธันวาคม 2560

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ