กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--BangkokAutumn
บริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EIC รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเรื่อง ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 14/2560 มีมติอนุมัติงบการเงินสำหรับไตรมาส 3 ปี 2560 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 ที่ตรวจสอบแล้วโดย ผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ และรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทและรวมของบริษัทย่อย โดยมีผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ปี 2560 มีผลกำไรสุทธิ 3.51 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 94.06 ล้านบาท ผลขาดทุนสุทธิลดลงคิดเป็นร้อยละ 103.73
บริษัทมีรายได้อื่นจำนวน 3.21 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 8.18 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากในปี 2559 มีการขายหุ้นของบริษัท สมาร์ท แทรฟิค จำกัด บางส่วนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมด้วยมูลค่า 20 ล้านบาท และมีรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันเป็นจำนวนเงิน 1.54 ล้านบาท และมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 5.58 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 31.60 อันเกิดจากความผันผวนของค่าเงินบาท ซึ่งในปี 2560 ค่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้น รวมถึงบริษัทมีต้นทุนทางการเงินจำนวน 1.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 1.07 ล้านบาท มาจากการจ่ายดอกเบี้ยตามสัญญาเช่าทางการเงินที่มีผลมาจากการปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าอาคารของบริษัทย่อย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นมา
ด้านผลการดำเนินการที่ดีขึ้น มีปัจจัยหลักมาจากการปรับลดค่าใช้จ่ายในการบริหาร ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ซึ่งลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 32.27 ล้านบาท เหลือจำนวน 10.19 ล้านบาท (ปี 2559 มีค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร 42.46 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 76.00
อีกทั้งบริษัทได้รับโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 3.17 ล้านบาท จากปี 2559 ที่บริษัทฯ ได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้สำหรับเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันและดอกเบี้ยค้างรับจำนวน 49.51 ล้านบาท ทำให้หนี้สงสัยจะสูญลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 52.68 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 106.40 โดยได้รับชำระเงินจากลูกหนี้เงินจ่ายล่วงหน้าค่าหุ้นและดอกเบี้ยค้างรับมาบางส่วนเป็นจำนวน 5.00 ล้านบาทแล้ว
ปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ในช่วงการมองหากิจการเพื่อเข้าลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท นอกเหนือจากธุรกิจหลักที่ดำเนินการอยู่ โดยคาดว่าการเข้าลงทุนในธุรกิจสื่อป้ายโฆษณาซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูง อย่างเช่น บริษัท ส.ธนา มีเดีย จำกัด จะทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ที่มากขึ้นในอนาคต