กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง
บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) แถลงผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) และแนวโน้มปี 2560 ในวันนี้ว่า บริษัทฯ คาดหมายกำลังการผลิตในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 8,028 เมกะวัตต์เทียบเท่า ดีกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 7,500 เมกะวัตต์เทียบเท่า เป็นผลจากความสำเร็จการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองในประเทศไทย นอกจากนี้ ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปีนี้ ยังมีกำไรเพิ่มขึ้น 69% เป็นเงิน 5,421 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559
นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้มีแนวโน้มที่ดี เพราะบริษัทฯ สามารถขยายการลงทุนได้ตามเป้าหมายใน 3 มิติ คือ 1) ด้านกำลังผลิต มีแนวโน้มจะทำได้เกินเป้าหมาย 2) การขยายฐานธุรกิจใหม่ในต่างประเทศ ก็สามารถเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียได้สำเร็จ และคาดว่าจะสามารถสรุปการลงทุนในฟิลิปปินส์ได้ปีนี้เช่นเดียวกัน และ 3) การลงทุนในธุรกิจอื่นนอกภาคผลิตไฟฟ้า ประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ธุรกิจคมนาคมขนส่งระบบรางแล้ว
""ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นที่น่าพอใจ โดยมีการสรุปการลงทุนใน 5 โครงการ แบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล 1 แห่ง พลังงานทดแทน 2 แห่ง และโครงการรถไฟฟ้า 2 โครงการ (รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู) ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ที่มาจากสินทรัพย์ประเภท IPP พลังงานทดแทน และธุรกิจเกี่ยวเนื่องแข็งแกร่งขึ้น จากประมาณการปีนี้สัดส่วนอยู่ที่ 84%, 8% และ5% ตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งความสำคัญที่ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับไฟฟ้าและพลังงาน รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ โดยปีนี้ได้ศึกษาโอกาสและศักยภาพของหลายธุรกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เชื้อเพลิง สาธารณูปโภคพื้นฐาน สื่อสารโทรคมนาคม พืชเชื้อเพลิง ไบโอเทคโนโลยี เป็นต้น คาดว่าปีนี้โครงการไบโอเทคโนโลยี น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนนอกจากธุรกิจรถไฟฟ้าที่ลงทุนแล้ว"" นายกิจจา กล่าว
ด้านผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรก บริษัทฯ มีรายได้รวม (ไม่รวมค่าเชื้อเพลิง) 11,937 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าขายไฟฟ้าและสัญญาเช่าการเงินเป็นเงิน 8,321 ล้านบาท (คิดเป็น 70% ของรายได้รวม) และส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมทุน จำนวน 2,870 ล้านบาท (24%) สำหรับ กำไรของบริษัทฯ 9 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 69% เป็นเงิน 5,421 ล้านบาท เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและบริการ ส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมทุน และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นสำคัญ
ณ 30 กันยายน 2560 ฐานะการเงินของบริษัทฯ ยังสะท้อนความแข็งแกร่ง โดยมีสินทรัพย์รวม 95,696 ล้านบาท หนี้สินรวม 32,528 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 63,168 ล้านบาท กำไรสะสม จำนวน 50,766 ล้านบาท เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก จำนวน 1,668 ล้านบาท หรือ 1.15 บาทต่อหุ้น
บริษัทฯ รับรู้กำลังการผลิตติดตั้งตามการลงทุนรวม 7,379.13 เมกะวัตต์เทียบเท่า โดยเป็นกำลังผลิตเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ รวม 6,495.51 เมกะวัตต์เทียบเท่า และกำลังผลิตที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนา รวม 883.62 เมกะวัตต์เทียบเท่า ฐานการลงทุนนอกจากประเทศไทย ยังมีการลงทุนในสปป.ลาว ออสเตรเลีย จีน และอินโดนีเซีย