กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
กรมศุลกากร และ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ร่วมมือยกระดับความยากง่ายการประกอบธุรกิจในประเทศไทยด้านการค้าระหว่างประเทศด้วยการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการและควบคุม การขนส่งสินค้าขาออกโดยระบบตู้คอนเทนเนอร์ผ่านท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือกรุงเทพ ด้วยการบูรณาการระบบการทำงานของ 2 หน่วยงาน ณ จุดเดียว โดยนำระบบตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้า ทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Matching) เชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ (National Single Window : NSW) เพื่อลดเอกสาร ลดขั้นตอนการทำงาน ลดความผิดพลาด ลดปัญหาการจราจร และสามารถ ลดระยะเวลาการให้บริการต่อตู้เหลือเพียง 20 วินาที อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งการดำเนินการนี้ ถือเป็นก้าวแรกในปีงบประมาณ 2561 ที่ 2 หน่วยงานร่วมมือประสานงานเพื่อยกระดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจด้านการค้าระหว่างประเทศ
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2561จะเป็น ปีที่กรมศุลกากรร่วมมือกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ร่วมกันผลักดันและนำระบบ IT เข้ามาใช้ ในเรื่องการอำนวยความสะดวกทางการค้า ให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อยกอันดับของประเทศ ให้ดียิ่งขึ้น อันจะส่งผลให้อันดับรวมของประเทศดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
ระบบ e- Matching เป็นอีกหนึ่งระบบที่กรมศุลกากร และการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ร่วมกันพัฒนาเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อันจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการส่งออก รวมถึงผู้มีส่วนได้เสีย ในการลดขั้นตอนกระบวนงานพิธีการส่งออก ลดค่าใช้จ่าย ในด้านเอกสารของการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ซึ่งเป็นเครื่องสะท้อนความสำเร็จอันเกิดจากความพยายาม ของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ของประเทศ ส่งผลต่อภาคธุรกิจในการแข่งขันให้ทัดเทียมกับอารยประเทศ พร้อมรองรับนโยบาย Thailand 4.0
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ตามที่กรมศุลกากร ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการจัดตั้ง ระบบ National Single Window หรือ NSW ซึ่งเป็นระบบศูนย์กลางการเชื่อมโยงข้อมูลด้วยอิเล็กทรอนิกส์แบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการนำเข้า การส่งออก เป็นการสนับสนุน ให้เกิดความพร้อมก้าวไปสู่การเป็นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ตามนโยบาย Digital Economy ให้ประสบความสำเร็จอย่างจริงจัง
จากความร่วมมือของ กรมศุลกากร และการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงได้พัฒนาระบบตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Matching) ผ่าน NSW โดยนำมาใช้กับท่าเรือขนาดใหญ่ ได้แก่ ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือกรุงเทพ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกรวดเร็ว ลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนระหว่างสองหน่วยงาน ลดจำนวนเอกสาร ลดระยะเวลาการให้บริการ อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ให้กับประเทศ
จากระบบเดิม ผู้ส่งออก ส่งข้อมูลใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบกรมศุลกากร และพิมพ์ใบกำกับการขนย้าย ให้แก่พนักงานขับรถบรรทุกตู้สินค้า นำมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ศุลกากร และเจ้าหน้าที่ท่าเรือที่ประจำอยู่สถานีตรวจสอบ เพื่อทำการ Matching ใบกำกับการขนย้ายตู้สินค้าที่จะผ่านเข้าท่าเรือ
เป็นระบบใหม่ที่เป็น ระบบตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ e-Matching ผู้ส่งออกส่งข้อมูลใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบกรมศุลกากร โดยไม่ต้องพิมพ์เอกสารใบกำกับเพื่อนำมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ประจำสถานีตรวจสอบสินค้า โดยเมื่อพนักงานขับรถบรรทุก ตู้คอนเทนเนอร์มายังสถานีตรวจสอบสินค้า ณ ท่าส่งออก ทำการชั่งน้ำหนักตู้สินค้า และเจ้าหน้าที่ท่าเรือ จะทำการบันทึกหมายเลข ตู้คอนเทนเนอร์ เข้าสู่ระบบ หากข้อมูลตรงกับข้อมูลใบกำกับการขนย้ายที่เชื่อมโยงกับกรมศุลกากร ผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window :NSW) ระบบจะตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Matching) โดยอัตโนมัติ ซึ่งระบบดังกล่าว สามารถลดระยะเวลา การผ่านสถานีตรวจสอบของท่าเรือ (Main Gate) จากเดิม 3 นาที เหลือเพียง 20 วินาที เท่านั้น อันจะเป็นการส่งผลดีต่อภาคธุรกิจโดยรวม ที่จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายและค่าเสียเวลา ลงได้ปีละกว่า 2,500 ล้านบาท และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ได้ถึงปีละกว่า 3,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามกรมศุลกากรจะมุ่งมั่นพัฒนาระบบงานศุลกากร โดยการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาปรับใช้ เพื่อลดขั้นตอนที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศให้ทันต่อโลกยุคปัจจุบัน
ดร.ฐิติพงศ์ นันทาภิวัฒน์ กรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่าระบบตัดบัญชีใบกำกับ การขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Matching) เชื่อมโยงผ่านระบบ NSW ที่ท่าเรือแหลมฉบัง สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมให้มีการปรับปรุงการบริการในเรื่อง Doing Business ความสะดวก ทางการค้าระหว่างประเทศให้การปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงานมีการเชื่อมโยงและใช้ข้อมูลร่วมกันด้วย ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย อันจะเป็นการลดขั้นตอนกระบวนการทำงานระยะเวลา และค่าใช้จ่ายที่เป็นไปตามสากล
ท่าเรือแหลมฉบัง ได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาดำเนินกิจกรรมต่างๆ และบูรณาการข้อมูลร่วมกับกรมศุลกากร ที่จะสนับสนุนการบูรณาการในทุกมิติและเล็งเห็นว่าระบบ e-Matching นี้สามารถ ลดระยะเวลาการจอดรอคิวของรถบรรทุก ลดค่าใช้จ่ายด้านเอกสาร และสามารถส่งเสริมศักยภาพในการส่งออกได้จริง ซึ่งระบบดังกล่าวไม่เพียงแต่สนับสนุนเรื่อง Doing Business ตามนโยบายของรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสนับสนุนโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) หรือ "" EEC "" ที่มีเป้าหมายยกระดับพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้กลายเป็น ""World-Class Economic Zone"" อีกด้วย