กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
""ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่"" โชว์กำไร 9 เดือนของปี 60 ที่ 325.36 ลบ. จ่อ COD โรงไฟฟ้าชีวมวล 4.6 เมกะวัตต์ ใน Q1/61 ล่าสุดเซ็นเงินกู้SCB จำนวน 2,250 ลบ. ซื้อหุ้นโซล่าร์ฟาร์มญี่ปุ่น 183 เมกะวัตต์
ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯประจำ 9 เดือนแรกของปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 325.36 ล้านบาท โดยที่กลุ่มบริษัทสามารถรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นจากการที่กลุ่มโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นทยอยสร้างแล้วเสร็จ และทยอยเริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์ในช่วงปี 2558-2559 จำนวนทั้งหมด 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 5 เมกะวัตต์ รวมถึงการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของโครงการเดิมที่ดำเนินการอยู่ภายในประเทศยังเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ
ในขณะที่ความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลจำนวน 3 โครงการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช กำลังการผลิตรวม 22.2 เมกะวัตต์นั้น โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 1 โครงการ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท บางสวรรค์ กรีน จำกัด หรือ BSW กำลังการผลิตเสนอขาย 4.6 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี กำหนด CODและจะเริ่มรับรู้รายได้ในเดือนมกราคม 2561 ส่วนโรงไฟฟ้าชีวมวล OSCAR ทั้ง 2 โรงที่ จ.นครศรีธรรมราช จะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ หรือ COD และรับรู้รายได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 ซึ่งทั้ง 3 โครงการเดินหน้าไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
ในปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่นรวมทั้งสิ้น 37 โครงการกำลังการผลิตเสนอขายรวม 298.42 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นในประเทศ 29 โครงการกำลังการผลิตเสนอขาย 121.7 เมกะวัตต์ และประเทศญี่ปุ่น จำนวน 8 โครงการ กำลังการผลิตเสนอขายจำนวน 176.72 เมกะวัตต์
ล่าสุดบริษัทฯได้ลงนามสัญญาสนับสนุนทางการเงินมูลค่า 2,250 ล้านบาท ระหว่างบริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE กับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB สำหรับการเข้าซื้อหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ประเภทติดตั้งบนพื้นดิน หรือโซล่าร์ฟาร์ม ที่เมืองโอนิโกเบ จังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 183 เมกะวัตต์ บนพื้นที่ 2,080 ไร่ ราคาขายไฟแบบ FIT อัตรา 36 เยนต่อหน่วย มูลค่าการลงทุนรวมทั้งหมดประมาณ 19,658 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถดำเนินการจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพานิชย์ หรือ COD ได้ภายในปี 2565
""ในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้ เรายังคงสามารถรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่เดิมทั้งใน และต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่ในปีหน้าก็จะมีการรับรู้รายได้เพิ่มเติมเข้ามาในโครงการใหม่ ๆ เช่นโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จะเริ่ม COD ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า ส่วนการได้รับเงินกู้จาก SCB ในการเข้าซื้อหุ้นโซล่าร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น จะเป็นการพลิกโฉมหน้าของ TSE ในการก้าวสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนในระดับนานาชาติ และจะเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการเติบโตของธุรกิจ"" ดร.แคทลีนก